แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

“สาวแกร่งปีนรั้ว” ย้ำชัด ไม่เอา “นายกฯคนกลาง” ชี้ทางออกประเทศ เล่นตามกติกา

ที่มา go6tv



วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557 go6TV – คุณสุวินันท์ ชัยปราโมทย์ หรือเป็นที่รู้จักกันในฐานะหญิงสาวสุดแกร่งผู้มีวีรกรรมปีนรั้วฝ่าวงล้อมม็อบ กปปส. เข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้งในเขตสวนหลวง เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 (วันเลือกตั้งล่วงหน้า) เธอได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวมติชนถึงกรณีมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง มีเนื้อหาดังนี้
คำถาม : ณ เวลานี้มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง เมื่อมีข่าวจะมีการตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวในตอนนี้ คือ การฟ้องร้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านนั้นเป็นโมฆะ ตอนนี้ก็กำลังดำเนินการในส่วนนี้อยู่เพราะว่าการคำวินิจฉัยที่ออกมานั้นไม่มีความเป็นธรรมต่อ 20 ล้านเสียงที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส่วนกรณีของนายกฯคนกลาง ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพียงแต่ทราบจากข่าวเท่านั้นว่ามีหลายฝ่ายได้เสนอชื่อบุคคลต่างๆ แต่บุคคลที่ถูกเสนอชื่อมาหลายคนก็เริ่มออกมาปฏิเสธว่าจะไม่รับตำแหน่งนี้ เพราะบุคคลเหล่านี้บางท่านก็มีตำแหน่งที่ดีมีเกียรติอยู่แล้ว ตอนนี้ก็คิดว่ามันอาจจะเป็นข่าวลือ
คำถาม : คิดอย่างไรที่หลายฝ่ายมีการประกาศออกมาว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนกลางขึ้นมาบริหารประเทศ?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า การมีนายกฯคนกลาง หรือนายกฯ ม.7 มันไม่ถูกต้อง มันไม่ได้รับการยอมรับ การเป็นนายกฯคนกลางก็คงจะเป็นได้แต่ชื่อ ถ้าตามจริงนายกฯคนกลางไม่มีอยู่แล้ว มีแต่ชื่อที่ถูกเสนอมาเท่านั้น บุคคลที่ถูกเสนอชื่อก็ไม่ยอมรับ เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น การมีนายกคนกลางประชาชนก็ต้องไม่ยอมรับอยู่แล้ว การกระทำแบบนี้ก็เหมือนไปล้มล้าง 20 ล้านเสียงของคนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และหากเกิดขึ้นจริง คนที่ขึ้นมาเป็นนายกคนกลางก็จะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน การมาเป็นนายกฯคนกลางมีแต่เสียกับเสีย ไม่มีใครยอมรับกับการกระทำดังกล่าวของคนกลุ่มหนึ่ง คนขึ้นมาเป็นก็ต้องคิดให้หนัก
คำถาม : ถ้าเกิดมีนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 เกิดขึ้นจริง คิดว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยมี 2 ทางที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็จะมีแต่เสียกับเสีย ส่วนใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับประเทศก็จะมีแต่ทางลบ โดยในประเทศไทยที่มีระบอบประชาธิปไตย ประชาชนก็ต้องไม่ให้การยอมรับ อาจจะเกิดการลุกขึ้นมาต่อต้านกับนายกฯ ม.7 ประชาชนในประเทศมาถึงจุดอิ่มตัว กับเหตุการณ์บ้านเมืองและภาวะที่เกิดขึ้น เป็นเหมือนกันมัดมือชก มีแต่คนหยิบยื่นสิ่งต่างๆโดยที่ประชาชนไม่สามารถเป็นฝ่ายเลือกเองได้ ดังนั้นหากมีนายกฯ ม.7 เกิดขึ้นจริงก็อาจเกิดการต่อสู้ขึ้นมา ซึ่งก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะออกมาต่อสู้ เพราะมันถึงเวลาปลดแอกอีกด้านหนึ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ การไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ เพราะประเทศไทยก้าวไปใช้ระบอบเผด็จการเพราะการมีนายกฯ ม.7 ที่ไม่ได้มาจากประชาชนเลือกเข้ามา ก็เหมือนกับการเผด็จการ และก็เหมือนกับการปฏิวัติโดยไม่ใช้กำลัง
คำถาม : คิดว่าหากเกิดนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 หรือนายกรัฐมนตรีคนกลางขึ้นจริงประชาชนจะออกมาต่อต้านไหม?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า ต่อต้าน ต้องมีการต่อต้านเกิดขึ้น เพราะการมีนายกฯมาตรา 7 มันเป็นสิ่งที่ไม่มีประชาชนคนไหนยอมรับ ยิ่งไม่ได้มาตามระบอบประชาธิปไตย ยิ่งต่อต้าน การกระทำแบบนั้นก็จะต่อเนื่องไปเรื่อย เป็นไปด้วยระบบกลไกวนเวียนแบบนี้ไม่จบ ซึ่งก็ต้องเกิดการขัดขวางจากการที่ไม่เคารพกติกา ประชาชนก็ออกมาต่อต้านไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในปัจจุบันประชาชนตื่นตัวกับการเมืองมากขึ้น และตราบใดที่ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว ปัญหามันก็จะไม่จบสิ้น ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องมาจากเสียงของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่การเผด็จการที่ไม่มีคนยอมรับ และตอนนี้ประเทศก็มาถึงจุดอิ่มตัว ประชาชนก็เริ่มไม่พอใจ ซึ่งต่างประเทศก็พัฒนานำหน้าประเทศไทยไปแล้ว คนไทยก็อยากจะพัฒนาเหมือนกัน ต่างประเทศมีการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยเรากำลังเข้าหาเผด็จการ
คำถาม : การที่กลุ่มทางการเมืองบางกลุ่มออกมาเรียกร้องให้มีการ ปฏิรูปก่อนทำการเลือกตั้ง คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า ปฏิรูปเป็นเรื่องที่ดีเพราะประเทศไทยต้องทำการปฏิรูปได้แล้ว ประชาธิปไตยสำหรับประเทศเรามันมีความแปลกไม่เหมือนกับประเทศอื่น บางอย่างก็มาจากการเลือกตั้งจากเสียงของประชาชน แต่บางอย่างก็เป็นเพียงคนบางคนหรือบางกลุ่มเลือกขึ้นมา อย่างเช่น องค์กรอิสระ ที่มีคนบางคนเลือกขึ้นมาทำงานและไม่ได้มาจากประชาชน ตามประชาธิปไตย การเป็นประชาธิปไตยต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งแนวทางขององค์กรอิสระไม่มาอย่างนั้น ถ้าคิดจะปฏิรูปจริงก็คงจะต้องปฏิรูปองค์กรอิสระเสียก่อน ต้องปฏิรูปจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ก็เปรียบเหมือนโลกที่ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มดาว แม้ว่าโลกจะหมุนหรือหันไปทางไหนก็มีกลุ่มดาวคอยส่องแสงบดบังอยู่ตลอดเวลา
คำถาม : ในภาวะบ้านเมือง ณ ตอนนี้ที่มีความวุ่นวายจากเหตุการณ์ทางการเมือง ภาวะเหล่านี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า ถ้าภาวะบ้านเมืองในตอนนี้ก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกินปีนี้ เนื่องจากระบอบเหล่านี้มันเป็นมานาน คนมีอำนาจบางกลุ่มก็ไม่ยอมปล่อยหรือลงจากอำนาจ ประชาชนส่วนใหญ่ก็เบื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประชาชนก็เตรียมปลดแอก ซึ่งต้องรวมพลังกันอย่างมากเพื่อที่จะปลดแอกให้สำเร็จ คนในประเทศไทยเราส่วนมาก็มีทั้งระดับกลางและระดับล่าง ที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงหรือรวมพลังแสดงออกต่างๆ แต่คนชั้นสูงกลับอยู่ใต้อำนาจของคนบางกลุ่ม ซึ่งภาวะแบบนี้ก็คงต้องใช้ระยะเวลาและอยู่ไปอีกพักใหญ่ ถ้านับกันจริงก็เกือบครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 2556 และปี 2557 ไม่ว่าเหตุการณ์จะจบแบบไหน จะมีนายกฯคนกลางหรือไม่ ซึ่งถ้ามี คนก็ต้องกลับมาต่อต้านกันอีก ก็ค่อนข้างหนักใจที่ต่างฝ่ายไม่ยอมกัน
คำถาม : คิดว่าทางออกจริงๆของประเทศคืออะไร?

คุณสุวินันท์ กล่าวว่า ทางออกมันมีมานานแล้ว คือ ให้ทุกฝ่ายเล่นตามกติกา ประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตย คนอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่หมู่บ้านหรือตำบล ดังนั้นทุกคนก็ควรจะต้องอยู่ในกติกา ทำตามระบบประชาธิปไตย คนที่ต้องการให้เป็นไปตามระบบหรืออำนาจของเขา ก็ขอให้เล่นตามกติกา เพราะสมัยนี้คนบางกลุ่มพยายามเล่นนอกกติกาเพื่อให้ได้อำนาจต่างๆ คำพูดของการปฏิรูป ดูสวยหรู ดูดี แต่แนวทางการปฏิรูปนั้นต้องการปฏิรูปอะไร ปฏิรูปอย่างไร แล้วการปฏิรูปเป็นไปตามกฎกติกาและประชาธิปไตย ถ้าการปฏิรูปคือการวางแผนให้แบบที่ต้องการเอาไว้แล้ว ก็ไม่ใช่การปฏิรูป ซึ่งอยากขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในกติกา อยากให้หลายกลุ่ม เช่น กปปส. คุยกับพรรคการเมืองบางพรรค ให้ออกมาเล่นตามกติกา ใช้กติกาตามที่โลกและต่างประเทศเขาทำกัน และเกิดการยอมรับ แม้จะมีการเลือกคนมาทำงาน แต่ถ้าไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชนทุกคนในประเทศ ประชาชนก็จะไม่ยอมรับ นั่นคือการเผด็จการ ประเทศเรามีคนไม่เล่นตามกติกา คนคุมกฎก็ไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เข้าข้างกติกา ทางออกที่แท้จริงมันก็คือ เคารพกติกาและทำตามกติกา





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น