แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นิตยสารไทม์ชี้ประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตย ล้มรัฐบาล เรียกร้องรัฐประหาร เล่นการเมืองแบบอันธพาล

ที่มา go6tv

 


นิตยสารไทม์ชี้ประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยสมกับชื่อพรรค เรียกร้องให้โค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นำม็อบยึดสถานที่ราชการ หวังกองทัพเข้ายึดอำนาจ เล่นการเมืองแบบอันธพาล
เว็บไซต์ของนิตยสารไทม์ เสนอรายงานในวันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ในชื่อ "พรรคประชาธิปัตย์ของประเทศไทยตั้งชื่อผิดอย่างน่าหัวร่อ" ระบุว่า ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองสีเสื้อในเมืองไทยได้กลับมาปะทุอีกครั้ง เหล่าคนเสื้อเหลืองผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ายึดกระทรวงต่างๆในเมืองหลวงและศาลากลางอย่างน้อยใน 19 จังหวัด
เมื่อวันอังคาร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำการประท้วง ได้ตอกย้ำเสียงเรียกร้อง "การปฏิวัติประชาชน" เพื่อจัดตั้งสภาประชาชนของพวกรอยัลลิสต์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ไทม์ได้ชี้ถึงความดีเด่นดังของประเทศไทยหลายประการ เช่น  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้ไปเยือนปีละหลายล้านคน, เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับต้นของโลก, มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประชาธิปไตยของไทยก็เป็นแบบอย่างให้แก่เพื่อนบ้านในพม่า, ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม
แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติในด้านระบอบประชาธิปไตยที่แย่ที่สุด พวกคนเสื้อเหลืองนับหมื่นกำลังเดินขบวนทั่วประเทศ แต่การเรียกร้องให้จัดตั้งสภาของพวกรอยัลลิสต์นั้น ยากที่จะเรียกว่าเป็นการปฏิวัติประชาชน
อำนาจประชาชนได้แสดงออกเป็นที่ประจักษ์แล้วโดยผู้ออกเสียงเลือกตั้ง 15 ล้านคน ที่ได้โหวตเลือกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยของเธอเมื่อปี 2554 พรรคการเมืองต่างๆที่ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกโค่นอำนาจโดยกองทัพเมื่อปี 2549 ได้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงข้างมากอย่างล้นหลามตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา
แน่นอน มหาเศรษฐีโทรคมนาคมผู้นี้ มีบาดแผลหลายอย่าง เช่น การทำธุรกิจของเขาในอดีต, สงครามปราบปรามยาเสพติดเมื่อปี 2546, การบงการการชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่น่าประหลาดใจที่พรรคฝ่ายค้านไม่ได้โจมตีเขาด้วยเรื่องเหล่านี้
พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งครั้งหลังสุดเมื่อปี 2535 ฐานเสียงของพรรคคือ พวกนานทุนน้อยในกรุงเทพ พรรคนี้ไม่ได้รับความนิยมในหมู่คนยากจนในภาคอีสาน ซึ่งเป็นที่มั่นของคนเสื้อแดง แต่แทนที่จะสร้างแนวนโยบายเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากคนยากจน พรรคนี้กลับยิ่งผลักไสผู้ออกเสียงเลือกตั้งกลุ่มใหญ่ ด้วยการเรียกร้องเชิญชวนให้พันธมิตรผู้มากอิทธิพล อย่างเช่น กองทัพหรือศาล ให้บ่อนทำลายคู่แข่งของตน
เวลานี้ได้กลายเป็นวงจรไปแล้ว เมื่อประชาชนเลือกพรรคที่ทักษิณสนับสนุนให้เป็นรัฐบาล พวกชนชั้นนำก็จะเข้าโค่นล้ม อาทิ กรณีการรัฐประหารเมื่อปี 2549, กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2551 เมื่อประชาชนออกมาประท้วงบนท้องถนนก็เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ จากนั้น พรรคที่ทักษิณสนับสนุนก็ชนะเลือกตั้งอีก
มีการโจมตีนโยบายต่างๆของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ ซึ่งทั้งสองได้ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายเนื่องจากสั่งปราบปรามคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ขณะเป็นรัฐบาล ก็ได้แพ้มติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี
หลายคนเคยหวังว่า  ความขัดแย้งของคนต่างสีเสื้อจะยุติลงหลังจากเหตุการณ์น่าสลดเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งคนเสื้อแดงได้ประท้วงการโค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่นายสุเทพกำลังเรียกร้องอยู่ในเวลานี้
น่าเสียใจที่สัญญาณทุกอย่างล้วนชี้ว่า เหตุการณ์กลับกำลังจะบานปลายยิ่งขึ้น

วันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม กำลังใกล้เข้ามา เบนจามิน ซาแว็กกี ที่ปรึกษากฏหมายอาวุโสประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของคณะกรรมการนักกฎหมายระหว่างประเทศ บอกว่า นายสุเทพไม่ต้องการทำลายบรรยากาศของวันมหามงคลนี้ ดังนั้น เขาจะเร่งยกระดับการชุมนุม ด้วยความหวังว่าทหารจะทำรัฐประหาร หรือประกาศกฎอัยการศึกเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะถึงวันหยุดสำคัญนี้

ภาพชุดม็อบประชาธิปัตย์จัดเด็กอาชีวะ บุกพังงาน "อนาคตไทย 2020" สงขลา ผู้เข้าชมงานเผ่นกระเจิง

ที่มา go6tv















นิตยสารระดับโลก "ไฟแนนเชียลไทส์" ด่าพรรคประชาธิปัตย์เละ! "สภาประชาชนไร้สาระ อยากยึดกระทรวง ไปชนะเลือกตั้งให้ได้ก่อน"

ที่มา go6tv


ไฟแนนเชียลไทมส์ อัดม็อบนกหวีด ตั้งสภาประชาชน ปัญญาอ่อน หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ วิจารณ์พรรคฝ่ายค้านในไทยว่า ทำผิดมากกว่าฝ่ายรัฐบาล จวกข้อเรียกร้องจัดตั้งสภาประชาชนไร้สาระ เหน็บถ้าอยากยึดกระทรวง ต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ก่อน

ไฟแนนเชียลไทมส์ หนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจระดับโลก ฉบับประจำวันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ได้แสดงความเห็นในบทบรรณาธิการ เรื่อง "ความยุ่งยากของประเทศไทย ฝ่ายค้านควรเลิกยึดกระทรวง" ระบุว่า ประเทศไทยได้หวนกลับสู่การแบ่งขั้วทางการเมืองอีกครั้งหลังสร่างซามาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ความขัดแย้งรอบนี้ได้ถูกจุดชนวนด้วยเหตุของความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งฝ่ายต่อต้านรัฐบาลโจมตีว่ามุ่งเป้าที่จะล้างผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การประท้วงที่เกิดขึ้นตามมา ยังคงไม่ยอมเลิกรา แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกคว่ำไปแล้ว หนังสือพิมพ์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอนฉบับนี้ กล่าวถึงคนสองฝ่ายที่กำลังขัดแย้งกันว่า เข้าทำนอง "ไม่มีใครดีไปกว่าใคร" เมื่อสามปีก่อน ผู้สนับสนุนทักษิณออกมาประท้วงบนท้องถนน คราวนี้เป็นฝ่ายคนเสื้อเหลือง ข้อกล่าวหาในเรื่องคอรัปชั่นและความไร้น้ำยาของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นับว่ารับฟังได้ เช่น โครงการรับจำนำข้าว แต่ข้อกล่าวหาเหล่านี้ก็เป็นจริงสำหรับรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกัน แม้กระนั้น พรรคฝ่ายค้านทำผิดมากกว่ารัฐบาล ข้อเสนอของแกนนำการประท้วง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ว่า ให้รัฐบาลพ้นจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางแก่การจัดตั้งสภาประชาชน นับเป็นเรื่องไร้เหตุผล เป็นข้อเสนอที่สะท้อนว่า กลุ่มอำนาจเก่าในประเทศไทย ยังคงไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ใช้ความอดกลั้นอย่างเหมาะสม ไม่มีการลั่นกระสุนเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน เธอควรจะยึดมั่นในแนวทางนี้ต่อไป นับเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายผู้ประท้วง ที่จะยุติการเข้ายึดครองกระทรวงต่างๆโดยผิดกฎหมาย พวกเขาได้แสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตนแล้ว และควรถอนตัวออกไปในทันที "หากพวกเขาต้องการยึดครองอาคารที่ทำการรัฐบาลในอนาคต พวกเขาต้องผ่านเงื่อนไขประการหนึ่งให้ได้เสียก่อน นั่นคือ ชนะเลือกตั้ง

" บทบรรณาธิการของไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุ. ที่มา : Financial Times http://news.voicetv.co.th/thailand/89513.html

"พรรคเพื่อไทย" แถลงการณ์ 7 ข้อปมวิกฤติการเมือง อัด ม็อบประชาธิปัตย์ต้องยุติ

ที่มา go6tv

 


วันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 (go6TV) - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้แถลงการณ์ถึงกรณีการชุมนุมทางการเมือง โดยมีเนื้อหาสำคัญว่า "จากที่มีการชุมนุมทางการเมือง เป็นการชุมนุมที่มีการละเมิดกฎหมาย และมีการยึดสถานที่ราชการ ซึ่งไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยได้แถลงว่า
1. พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้แกนนำผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมที่ยึดสถานที่ราชการซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายและหลักนิติธรรม ให้ออกจากอาคารและสถานที่ราชการ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐและข้าราชการสามารถให้บริหารประชาชนอย่างต่อเนื่อง
2. พรรคเพื่อไทยสนับสนุนท่าทีของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการเปิดพื้นที่ร่วมพูดคุยระหว่างฝ่ายต่างๆ เพื่อแก้ความขัดแย้งทางการเมืองโดยสันติวิธี
3. พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยและสนับสนุนรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลผู้ที่มาชุมนุมอย่างละมุนละม่อม สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
4. เนื่องจากแกนนำผู้ชุมนุมเป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยดำเนินการให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำผู้ชุมนุม ยุติการยึดสถานที่ราชการโดยพลัน
5. พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณมิตรประเทศและเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ที่แสดงท่าทีว่าควรยุติข้อขัดแย้งทางการเมืองโดยการพูดคุยกันอย่างสันติวิธี ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นด้วย
6. พรรคเพื่อไทยขอเรียนชี้แจงว่า การที่ผู้ชุมนุมหรือพรรคประชาธิปัตย์ได้ใส่ร้ายรัฐบาลว่าขาดความชอบธรรม เพราะไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนั้น พรรคขอชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทย"ไม่เห็นด้วย"กับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยประเด็นที่มาของ ส.ว. ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่จะรับคดีไว้พิจารณาและวินิจฉัยเช่นนั้น ซึ่งเป็นการประกาศว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับและพิจารณาคดีนี้เป็นการเฉพาะเจาะจง และมิใช่เป็นการประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญเป็นการทั่วไป

และ 7. พรรคเพื่อไทยเห็นว่าข้อเรียกร้องของหัวหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมที่จะตั้งสภา ประชาชน ไม่อาจทำได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 50 พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการชุมนุมโดยสงบ เป็นการใช้เสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมในลักษณะที่ฝ่าฝืนกฎหมายและบทบัญญัติของรัฐ ธรรมนูญ โดยเฉพาะการยึดสถานที่ราชการ ซึ่งเสมือนเป็นการใช้ประเทศและคนไทยเป็นตัวประกัน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในบ้านเมือง ที่เป็นรากฐานการปกครองประเทศที่ดีและเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพพื้นฐาน ของประชาชนทุกคน

'จตุพร'ห่วง สุเทพนำม็อบจับตัวนายกฯบังคับเปลี่ยนอำนาจรัฐ

ที่มา Voice TV

 'จตุพร'ห่วง สุเทพนำม็อบจับตัวนายกฯบังคับเปลี่ยนอำนาจรัฐ


จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ห่วง สุเทพนำม็อบจับตัวนายกฯ บังคับเปลี่ยนอำนาจรัฐตั้งสภาประชาชน
 
 
 
          
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง แถลงบนเวทีปราศรัยที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้จับตาสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ประกาศจะยกระดับการต่อสู้โดยใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นในช่วง 2 วันนี้
          
 
โดยนายจตุพร ประเมินว่า อาจจะมีการใช้แนวทางในการบุกยึดตัวบุคคลที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ตลอดจนแกนนำกลุ่มเสื้อแดง หลังจากใช้กลยุทธ์ปิดล้อมสถานที่ราชการหรือกระทรวงสำคัญต่างๆ แล้วไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในซีกของรัฐบาล เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ลาออก และไม่มีการประกาศยุบสภา ดังนั้นสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จะกลายมาอยู่ที่ตัวบุคคล โดยอาจจะมีการบีบบังคับหรือยึดตัวบุคคลเพื่อบังคับให้มีการดำเนินการเปลี่ยน แปลงอำนาจรัฐแทน ดังนั้นจึงฝากเตือนรัฐบาลให้ระมัดระวังในจุดนี้ รวมถึงฝากไปยังศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ให้จับตาสถานการณ์นี้ไว้ด้วย
          
 
"ขอเตือนไปยังรัฐบาลว่า เกมนี้กำลังขยับเข้ามา เป็นการล็อคตัวและให้กระทำการหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพราะการยึดสถานที่ก็ล้มเหลว วันนี้จะไปยึดสถานที่ใดก็ได้แค่ครอบครองตึก ปราศรัยนอนห้องแอร์กันไป คุณจะยึดห้องแอร์ที่ไหนในประเทศนี้ก็เปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐไม่ได้ เพราะฉะนั้นใน 2 วันนี้ สิ่งที่เป็นข้อสรุปคือ การยึดสถานที่ไม่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ ดังนั้นที่น่าสงสัยต่อไป คือ การยึดตัวบุคคล เพราะฉะนั้นต้องเตือนให้แต่ละส่วนระมัดระวัง" นายจตุพร ระบุ
          
 
พร้อมมองว่า การที่นายสุเทพพยายามปิดช่องทางและปฏิเสธไม่รับแนวทางการให้นายกรัฐมนตรีลา ออกหรือยุบสภา เป็นเพราะอาจจะประเมินแล้วว่า ถ้านายกรัฐมนตรีลาออก พรรคเพื่อไทยก็จะเลือกนายกฯ ยิ่งลักษณ์กลับเข้ามาอีก และถ้ายุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยก็ชนะตามเดิม ดังนั้นนายสุเทพจึงไม่เอาทั้งแนวทางลาออกและยุบสภา แต่กลับเสนอแนวทางในการตั้งสภาประชาชนเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วมองว่าไม่มีอำนาจใดๆ จะสามารถจัดตั้งได้เลย เพราะไม่มีบทบัญญัตินี้อยู่ในรัฐธรรมนูญ
          
 
นายจตุพรจึงตั้งข้อสังเกตจากคำพูดของนายสุ เทพว่า ที่นายสุเทพอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีว่าการตั้งสภาประชาชนนั้นไม่มีบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญ แต่นายสุเทพกลับพูดเองว่าอีกไม่กี่วันก็จะมีอยู่ในรัฐธรรมนูญนั้น แสดงให้เห็นว่าไม่มีแนวทางใดจะสามารถกระทำได้ นอกจากจะใช้วิธีการฉีกรัฐธรรมนูญ หรือไปบีบบังคับให้สมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดช่องตั้งสภาประชาชน
 
 
 
ที่มา :  News   Center /  infoquest
ภาพ : VoiceTV 
29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 15:50 น.

40ส.ว.แถลงการณ์ ร้องนายกฯ5ข้อ คลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง

ที่มา Voice TV

 40ส.ว.แถลงการณ์ ร้องนายกฯ5ข้อ คลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง


สมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม 40 ส.ว. แถลงการณ์เรียกร้องนายกรัฐมนตรี 5 ข้อ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมือง พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินและดำเนินการตามรัฐ ธรรมนูญ ต่อไป
 
 
สมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม 40 ส.ว.นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายสมชาย แสวงการ, นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร ร่วมกันออกแถลงการณ์มติกลุ่ม 40 ส.ว.ต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดยระบุว่า กลุ่ม 40 ส.ว.ห่วงใยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำ รัฐบาล 5 ข้อ คือ 
 
 
1.ให้นายกรัฐมนตรีตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพใน การชุมนุมชุมนุมของประชาชนและให้ความคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมที่อยู่ภาย ใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ,
 
2.ให้นายกรัฐมนตรีตระหนักและยอมรับความจริง ว่าปัญหาการเมืองของประเทศไทยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมามีสาเหตุจากพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพฤติการณ์สืบทอดอำนาจทางการเมืองของบุคคลในตระกูลชินวัตรจนนำไปสู่การไม่ ยอมรับการเมืองภายใต้ "ระบอบทักษิณ" ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นอันตรายต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย, 
 
3.ขอให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบทาง การเมืองด้วยการลาออก หรือยุบสภา กรณีนำร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ
 
4.ให้ขอพระราชทานร่างกฎหมายดังกล่าวกลับคืน ขณะเดียวกันเห็นว่านายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ต้องไม่ใช้ ดีเอสไอ มาข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
 
และ 5. ขอให้นายกรัฐมนตรีและบุคคลในตระกูลชินวัตร เสียสละด้วยการไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอีกไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านตัวแทน เพื่อให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้
 
 
โดยเนื้อหาฉับับเต็มมีดังนี้ 
 
 
 
29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 13:49 น.

'นิธิ เอียวศรีวงศ์' เสนอแก้รธน. 50 ทั้งฉบับ

ที่มา Voice TV



ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับวอยซ์ทีวี ในการหาทางออกให้กับประเทศ ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับ

29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 11:23 น. 

 

พบรถต้องสงสัยขนถุงกระสอบทราย-แกนลอนน้ำมันมุ่งหน้าปิ่นเกล้า

ที่มา Voice TV

 พบรถต้องสงสัยขนถุงกระสอบทราย-แกนลอนน้ำมันมุ่งหน้าปิ่นเกล้า


สน.นางเลิ้ง พบรถต้องสงสัย ขับผ่านบริเวณถนนหลานหลวง มุ่งหน้าปิ่นเกล้า ตรวจสอบพบถุงกระสอบทรายและถังแกนลอนน้ำมัน 6 ถัง จึงได้นำตัวผู้ขับขี่สอบสวนปากคำและทำประวัติไว้
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.56 เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง พบรถต้องสงสัย ขับผ่านบริเวณถนนหลานหลวง มุ่งหน้าปิ่นเกล้า จึงได้ทำการตรวจสอบ ปรากฎว่าเป็นถุงกระสอบทรายจำนวนมาก และถังแกนลอนน้ำมัน จำนวน 6 ถัง จึงได้นำตัวผู้ขับขี่มาที่ สน.นางเลิ้งเพื่อสอบสวนปากคำและทำประวัติไว้


29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 12:23 น.

ทูตอังกฤษห่วงการชุมนุม ไม่เห็นด้วยบุกสถานที่ราชการ "ปู" ย้ำไม่ใช้ความรุนแรง

ที่มา มติชน


ทูตอังกฤษกพบนายกฯ กังวลสถานการณ์ชุมนุมหวั่นกระทบทุกด้าน โดยเฉพาะโครงการ 2 ล้านล้าน ไม่เห็นด้วยการบุกรุกสถานที่ราชการ วอนใช้การเจรจาหาข้อยุติ “ปู” แจงหน่วยงานราชการยังสามารถให้บริการประชาชนได้

เมื่อ เวลา 09.30น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาร์ค แอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนต์ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เข้าพบและหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นาย ธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากการที่ประเทศต่างๆค่อนข้างแวดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ไทย ซึ่งจากการติดตามข่าวจากสื่อมวลชนจะพบว่าไม่จะเป็นสหรัฐอเมริกา สหประชาชาติ หรือจีน ได้มีการส่งสาส์น โดยจีนได้ส่งเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยมาพบกับนายกรัมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อแสดงความเห็นว่าอยากเห็นการเจรจาเพราะเห็นว่าการชุมนุมจะกระทบต่อ เสรีภาพ การใช้ชีวิตของประชาชนทั่วไป จึงไม่อยากเห็นความตึงเครียดเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเช้าวันเดียวกันนี้เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ประจำประเทศไทยก็ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยเอกอัครราชทูตอังกฤษได้สอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่าเป็น อย่างไร ในฐานะที่อังกฤษเป็นมิตรประเทศกับไทยมาอย่างยาวนานทุกระดับทั้งระดับราชวงศ์  รัฐบาลและประชาชน ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวอังกฤษมาประเทศไทยถึงกว่า 9 แสนคน มีการลงทุน มีการค้าในประเทศไทยที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมากากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้มีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากเห็นการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ ภายใต้กรอบของกฎหมายและประชาธิปไตย
                
“ทาง อังกฤษระบุว่าอยากเห็นการเจรจาจากทั้งสองฝ่ายที่ควรหันหน้ามาพูดคุยกัน เหมือนอย่างที่นานาชาติทั้งยูเอ็น อังกฤษ ออสเตรเลีย จีน สหรัฐฯได้แสดงความห่วงใย โดยท่านทูตอังกฤษระบุว่ารัฐบาลอังกฤษสนับสนุนการแสดงออกการแสดงออกตามระบอบ ประชาธิปไตยแต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และอังกฤษไม่เห็นด้วยกับการยึดสถานที่ราชการ  ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้ยืนยันและย้ำว่าการชุมนุมจะเป็นสิทธิ์และ รัฐบาลพร้อมปกป้องดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่ อยากเห็นการแสดงออกตามประชาธิปไตยภายใต้ความเป็นนิติธรรม โดยนายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่าอยากเห็นการเจรจาเช่นกัน โดยรัฐบาลไทยจะใช้หนทางสันติภาพหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ซึ่งการดำเนินการใดๆจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล”โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว
                
นาย ธีรัตถ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำกับเอกอัครราชทูตว่าขณะนี้การให้บริการสาธารณะของหน่วย งานราชการยังคงเป็นไปตามปกติ เนื่องจากมีการเก็บฐานข้อมูลต่างๆไว้ แต่อาจไม่สะดวกในสถานที่ทำการซึ่งบางแห่งจะต้องมีการย้ายสถานที่ก็จะมีการ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำจุดยืนด้วยว่ารัฐบาลอยากเห็นทุกฝ่ายพูดคุยและเจรจากัน ซึ่งทางอังกฤษสนับสนุนแนวทางดังกล่าวอย่างเต็มที่ พร้อมแสดงความเป็นห่วงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าจะต้องรอเพราะกำหมายที่เกี่ยวข้องไม่สามารถนำ ขึ้นทูลเกล้าฯได้ เพราะเป็นกฎหมายการเงินก็อาจต้องชะลอไป อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจต่างๆก็ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ
                
นาย ธีรัตถ์  กล่าวถึงการแสดงความเป็นห่วงการจัดนิทรรศการสร้างอนาคตไทย 2020 ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่การจัดนิทรรศการฯ ซึ่งรัฐบาลตั้งใจเผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ทราบว่าการลงทุน ครั้งใหญ่ของประเทศจัดอย่างไร มีประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างไร รัฐบาลจึงขอวิงวองผู้ชุมนุมว่าควรเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามาชม นิทรรสการ เพราะโครงการนี้รัฐบาลตั้งใจยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

ตร.ที่ถูกม็อบยิงหนังสะติ๊กลูกแก้วใส่เข้าแจ้งความแล้ว

ที่มา Voice TV

 ตร.ที่ถูกม็อบยิงหนังสะติ๊กลูกแก้วใส่เข้าแจ้งความแล้ว


ตำรวจที่ถูกผู้ชุมนุมยิงหนังสะติ๊กลูกแก้วใส่ นำภาพถ่ายเข้าแจ้งความสน.ปทุมวัน ข้อหาทำร้ายร่างการขณะปฏิบัติหน้าที่แล้ว 
 
พ.ต.ท.มานะ ธัญญะวานิช ที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม ใช้หนังสติ๊กยิง เข้ากลางหน้าผาก ได้รับบาดเจ็บ นำภาพถ่ายเข้าแจ้งความ สน.ปทุมวัน ข้อหาทำร้ายร่างการขณะปฏิบัติหน้าที่แล้ว 

29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 11:54 น.

'สมเกียรติ' แนะสุเทพตั้งพรรคใหม่ จวกพุทธอิสระหยาบคายควรสึก

ที่มา Voice TV

 'สมเกียรติ' แนะสุเทพตั้งพรรคใหม่ จวกพุทธอิสระหยาบคายควรสึก


'สมเกียรติ อ่อนวิมล' ชี้การล้มระบอบทักษิณต้องล้มด้วยประชาธิปไตยโดยมวลมหาประชานไทยอย่างแท้จริง ต้องสู้ด้วยความดีที่ดีกว่า แนะสุเทพและมวลมหาประชาชนตั้งพรรคการเมืองใหม่เป็นทางเลือก เพื่อเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสิน แพ้-ชนะ ก็ต้องรับ


นายสมเกียรติ อ่อนวิมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยวิทัศน์ จำกัด เขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ Somkiat Onwimon วาน นี้ (28พ.ย.) กรณีการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำต่อต้านรัฐบาล และหลวงปู่พุทธอิสระ โดยมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า 'ระบบอสุเทพฯ ประกาศห้ามไม่ให้ผู้ไม่เห็นด้วยแสดงความเห็นค้านไม่ฟังคำท้วงติงจากคุณกรณ์ จาติกวณิช หรือใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม ผมจะยังคงท้วงติงคุณสุเทพไปเรื่อยๆ นะครับ ห้ามผมไม่ได้ ไม่ฟังผมได้ ผมมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น เพื่อช่วยปรับขบวนการมหาประชาชนให้ผมพอใจด้วย การล้มระบอบทักษิณต้องล้มด้วยประชาธิปไตยโดยมวลมหาประชาชนไทยอย่างแท้จริง ต้องสู้ด้วยความดีที่ดีกว่า ความสามารถที่มากกว่า ความสงบที่งดงามกว่า' และข้อความต่อหนึ่งกล่าวถึงหลวงปู่พุทธอิสระว่า 'หลวงปู่พุทธอิสระหยาบคายมากบนเวทีมวลมหาประชาชน สึกเถิดครับ ฟังไม่ได้ครับ ไม่มีธรรมะอะไรสำหรับมวลมหาประชาชน วานคุณสุเทพบอกให้ท่านหยุดเถิด'



29 พฤศจิกายน 2556 เวลา 11:05 น.

แถลงการณ์กลุ่มเพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ กรณีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบัน - See more at: http://blogazine.in.th/blogs/lgbtdemocracy/post/4469#sthash.mBvF7mqb.dpuf

ที่มา ประชาไท

 















เรียน  นายกรัฐมนตรี ,ผู้บัญชาการเหล่าทัพ, แกนนำมวลชนทุกฝ่าย, สถาบันที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวไทย

จาก สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบันนับเป็นวิกฤตของประเทศไทยอีกครั้ง เกิดการเรียกร้องทางการเมืองจากประชาชนจำนวนมาก โดยมีหลากฝ่าย หลายความคิด และไม่มีท่าทีของการเจรจาต่อรองเพื่อให้เกิดข้อยุติของความขัดแย้ง ในภาวะที่มืดดำเช่นนี้ มองเห็นเพียงฝุ่นควันของภาวการณ์การใช้อานาจนอกระบบ และความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างรัฐกับประชาชน และระหว่างประชาชนด้วยกันเอง ซึ่งน่ากังวลว่าจะนำไปสู่การละเมิดทางร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน สังคมไทย

นัก กิจกรรมกลุ่มเพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ เชื่อมั่นในระบบการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย และเชื่อมั่นว่าหนทางที่ยึดในหลักสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด ไม่ถูกครอบงำหรือปลุกปั่น รวมถึงการคำนึงถึงความเป็นปกติสุขของคนทุกกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเสียง ข้างน้อยนั้น จะเป็นทางออกที่ยั่งยืนและมั่นคงของสังคมไทย เราจึงขอเรียกร้องให้

1.      “รัฐบาล” ไม่ใช้ความรุนแรงในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกกรณี ประชาชนมีสิทธิในการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองตามหลักของสิทธิพลเมือง และรัฐบาลพึงใช้วิธีการตามกฏหมาย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มงวดที่สุด

2.      “กองทัพและฝ่ายความมั่นคง” ควรเปิดพื้นที่ให้การแก้ไขปัญหาดำเนินไปตามกระบวนการของการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยฯ ไม่พึงใช้อำนาจแทรกแซงและ/หรือทำการรัฐประหาร ประเทศไทยได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดจากการรัฐประหารมามากพอแล้ว

3.      “แกนนำของผู้ชุมนุมทุกฝ่าย” ยึดแนวทางการชุมนุมเรียกร้องด้วยความสงบ ภายใต้กรอบกฏหมาย ไม่ใช้การปลุกระดมจนนำไปสู่ความรุนแรงระหว่างประชาชนกับประชาชน ไม่สร้างบรรยากาศความเกลียดชังระหว่างกันจนอาจก่อวิกฤติสงครามกลางเมืองขึ้น ในประเทศได้ในที่สุด

4. “เจ้า หน้าที่ภาคส่วนต่างๆ” ทั้งในส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และสมาชิกวุฒิสภา พึงปฎิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่สนับสนุนความรุนแรงในทุกกรณี

5.      “สถาบันหลักของชาติ” ที่มีบทบาทต่อสังคมไทยรวมถึงสถาบันการศึกษาและนักวิชาการ ควรสนับสนุนการหาทางออกให้แก่สังคมด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ไม่ชี้นำไปในทางที่จะบั่นทอนความเป็นประชาธิปไตยของไทย รวมทั้งไม่รับข้อเสนอของฝ่ายใดๆในการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี หรือสภา ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง เช่น การใช้มาตรา 7 หรือการตั้งสภาประชาชนเป็นต้น

6.      สุดท้าย ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีการเจรจาหาทางออกร่วมกันโดยเร็วที่สุด

ความ รุนแรงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ไม่ว่าในกรณีใด ความพยายามเจรจาและแก้ปัญหาอย่างจริงใจเท่านั้นที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถหา ทางออกร่วมกันได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติประชาชนอย่างแท้จริง กลุ่มเพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ และผู้มีรายชื่อแนบท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล สถาบันที่เกี่ยวข้อง และแกนนำมวลชนทุกฝ่ายที่กล่าวมาในข้างต้น ดำเนินการตามข้อเรียกร้องนี้เป็นกรณีเร่งด่วน

ลงนามแนบท้ายแถลงการณ์ได้ที่กล่องข้อความด้างล่าง หรือ "คลิกที่นี่"

รายชื่อผู้ร่วมลงนามแนบท้ายแถลงการณ์:
1. การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ นักเขียน
2. ดาราณี ทองศิริ นักกิจกรรมอิสระ
3. อันธิฌา แสงชัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี
4. ศรัทธารา หัตถีรัตน์ นักกิจกรรมสิทธิความหลากหลายทางเพศ กลุ่มวงน้ำชา
5. ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ นักกิจกรรมสิทธิความหลากหลายทางเพศ
6. ชุมาพร แต่งเกลี้ยง มูลนิธิศักยภาพชุมชน, นักกิจกรรมสิทธิความหลากหลายทางเพศ กลุ่มวงน้ำชา
7. ก้าวหน้า เสาวกุล ประชาชน
8. ณฐกมล ศิวะศิลป ประชาชน
9. สุพีชา เบาทิพย์ นักกิจกรรมสิทธิทางเพศ
10. ชุติเดช ยารังษี นักเขียน
11. อัญชลี แก้วแหวน นักกิจกรรมอิสระ กลุ่มวงน้ำชา
12. พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ นักกิจกรรม
13. นายธรรศ อับดุลเลาะห์ ผู้จัดการโครงการ มูลนิธิเดอะพอส โฮมเซ็นเตอร์
14. อัญชนา สุวรรณานนท์ กลุ่มอัญจารี
15. ฤดี จุลกะเศียน ประชาชน
16. ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์
17. ปริญญา เพชรสังฆาต
18. กฤตธีพัฒน์ โชติฐานิตสกุล นักกิจกรรมสิทธิความหลากหลายทางเพศ
19. อังกุศ รุ่งแสงจันทร์ วิศวกร
20. รชฎ บุญประเสริฐ
21. ทวิช พุดดี
22. กาญจนา แถลงกิจ องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์
23. ชยุตม์ ศิรินันทไพบูลย์ นักกิจกรรมสิทธิทางเพศ 

ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ไม่สลายม็อบ

ที่มา Thai Free News

 

 วันนี้จงมั่นใจในยุทธศาสตร์ของนายกฯปูคือ

"ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่สลายม็อบ"

เมื่อยุทธศาสตร์นี้เป็นธงนำ เรื่องอื่นๆ ก็เป็นแค่การปฎิบัติตามแนวทาง Grand Strategic  นี้
วันนี้ สภาปิดประชุม Dead Lock ที่ฝ่ายม็อบคาดหวังนั้นไม่มีแล้ว

ปปช. หากจะลุยจริงๆ ก็ไม่สะเด็ดน้ำเพียงพอที่จะล้มรัฐบาลได้ สร้างแต่ความวุ่นวายในประเทศเท่านั้น และหากทำแบบนั้น ปปช.จะเสียมากกว่าที่จะสามารถเผด็จศึกได้ คนมีสติย่อมไม่เดินกลยุทธ์ ที่พาตัวเองเข้าสู่กัปดักเช่นนั้น นอกจากไม่มีสติแบบนายสุเทพ เท่านั้น ที่ลุยไปข้างหน้า โดยไม่รู้ว่ามันจะจบลงที่ไหน แต่สร้างความปั่นป่วนเท่านั้น แต่ความปั่นป่วนนั้นไม่นำไปสู่ภาวะอะไร 

ม็อบ นายสุเทพ ตอนนี้หวังตัวช่วย แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะมีตัวช่วยเข็มแข็งเหมือนปี 2551-2553 ตอนนี้ก็มีแค่ "Southern Connection" ที่ผ่านเครือข่ายของเปรมเท่านั้น แต่ไม่ได้เข็มแข็งเท่าสามสี่ปีที่แล้ว แม้จะมีพลังในระดับหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอที่จะสามารถเอาชนะสงครามชี้ขาดได้

ตอน นี้ม็อบนายสุเทพ จึงวิ่งพล่านไปทั่ว กทม. มีสภาพไม่ต่างจาก "ม็อบยางพารา" ที่วิ่งพล่านไปทั่วภาคใต้ เมื่อสองเดือนที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้นำไปสู่ชัยชนะอะไรในทางการเมือง มีแต่บอบช้ำมากยิ่งขึ้น

ยุทธศาสตร์ "ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่สลายม็อบ" ของนายกฯปู จึงเป็น Grand Strategic ที่สำคัญในการสู้กับม็อบปั่นบ้านป่วนเมืองเช่นนี้

เป้าหมายทางยุทธศาสตร์นี้คือ "การชิงความชอบธรรม" ทางการเมือง ไม่ใช่การชิงพื้นที่ ตึกรามบ้านช่อง จุดยุทธศาสตร์อะไร 

ใน ทางการเมือง "ความชอบธรรม" เท่านั้น ที่จะเป็นช่องทาง หรือจุดยุทธศาสตร์ที่เปิดช่องเข้าไปสู่ใช้ชนะ หากชิงความชอบธรรม มาอยู่กับฝ่ายเราได้ เท่ากับยึดกุมจุดสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะของสงครามได้

พี่ น้องเสื้อแดงที่คุมสติไม่อยู่ ออกไปชนกับม็อบสุเทพ โปรดสังวรไว้ด้วยว่า เขากำลังล่อเราเข้าไปสู้เพื่อทำลายความชอบธรรมของเรา เราสู้ร่วมกันมา 6-7 ปี ยึดกุมความชอบธรรมอยู่ได้

อย่าใจร้อนจนทำลายสิ่งที่พวกเราต่อสู้มาเลยครับ 
จงใช้ กลศึกสุมาอี้ คือ "รอคอยอย่างอดทน" เกมนี้คือ "การรอคอยเท่านั้น" ไม่ใช่การออกรบ
เพราะต่อให้ฆ่าม็อบสุเทพตายทั้งหมด จับติดตารางทั้งหมด เราก็แพ้ เพราะเราจะเสียความชอบธรรมไป 

จงอดทน และรอคอย อย่าทำลายการต่อสู้อันยากรำบากของพวกเราด้วยเลือดเนื้อ กว่า 7 ปี เพียงเพราะทนการยั่วยุไม่ได้

สุมาอี้นั้นแม้ขงเบ้งเอาผ้าถุงไปให้ ไปท้าทายถึงค่าย 

ก็ยินดีนุ่งผ้าถุง เพราะเขา "รอคอย" อดทน 
เพื่อเอาชนะสงคราม หาใช้ความขี้ขลาด อันใดไม่

http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=50365.0

TIMEหยันพรรคประชาธิปัตย์ตั้งชื่อผิด ใช้วิธีอันธพาลการเมืองก่อจลาจลเรียกทหารยึดอำนาจรัฐบาลปชต.

ที่มา Thai E-News



นิตยสาร TIME อันทรงอิทธิพลของโลกพาดหัวเสียดสีว่า พรรคประชาธิปัตย์ของประเทศไทยตั้งชื่อผิดอย่างน่าหัวร่อ ( Thailand’s Democrat Party Is Hilariously Misnamed)

ที่มา Voice TV
นิตย สารไทม์ชี้ประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยสมกับชื่อพรรค เรียกร้องให้โค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นำม็อบยึดสถานที่ราชการ หวังกองทัพเข้ายึดอำนาจ เล่นการเมืองแบบอันธพาล
เว็บไซต์ของนิตยสารไทม์ เสนอรายงานในวันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ในชื่อ "พรรคประชาธิปัตย์ของประเทศไทยตั้งชื่อผิดอย่างน่าหัวร่อ" ระบุว่า ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองสีเสื้อในเมืองไทยได้กลับมาปะทุอีกครั้ง เหล่าคนเสื้อเหลืองผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ายึดกระทรวงต่างๆใน เมืองหลวงและศาลากลางอย่างน้อยใน 19 จังหวัด
เมื่อวันอังคาร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำการประท้วง ได้ตอกย้ำเสียงเรียกร้อง "การปฏิวัติประชาชน" เพื่อจัดตั้งสภาประชาชนของพวกรอยัลลิสต์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ไทม์ได้ชี้ถึงความดีเด่นดังของประเทศ ไทยหลายประการ เช่น  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้ไปเยือนปีละหลายล้านคน, เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับต้นของโลก, มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประชาธิปไตยของไทยก็เป็นแบบอย่างให้แก่เพื่อนบ้านในพม่า, ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม
แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในผู้ ปฏิบัติในด้านระบอบประชาธิปไตยที่แย่ที่สุด พวกคนเสื้อเหลืองนับหมื่นกำลังเดินขบวนทั่วประเทศ แต่การเรียกร้องให้จัดตั้งสภาของพวกรอยัลลิสต์นั้น ยากที่จะเรียกว่าเป็นการปฏิวัติประชาชน

อำนาจประชาชนได้แสดงออกเป็นที่ ประจักษ์แล้วโดยผู้ออกเสียงเลือกตั้ง 15 ล้านคน ที่ได้โหวตเลือกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยของเธอเมื่อปี 2554 พรรคการเมืองต่างๆที่ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกโค่นอำนาจโดยกองทัพเมื่อปี 2549 ได้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงข้างมากอย่างล้นหลามตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา
แน่นอน มหาเศรษฐีโทรคมนาคมผู้นี้ มีบาดแผลหลายอย่าง เช่น การทำธุรกิจของเขาในอดีต, สงครามปราบปรามยาเสพติดเมื่อปี 2546, การบงการการชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่น่าประหลาดใจที่พรรคฝ่ายค้านไม่ได้โจมตีเขาด้วยเรื่องเหล่านี้
พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งครั้ง หลังสุดเมื่อปี 2535 ฐานเสียงของพรรคคือ พวกนานทุนน้อยในกรุงเทพ พรรคนี้ไม่ได้รับความนิยมในหมู่คนยากจนในภาคอีสาน ซึ่งเป็นที่มั่นของคนเสื้อแดง แต่แทนที่จะสร้างแนวนโยบายเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากคนยากจน พรรคนี้กลับยิ่งผลักไสผู้ออกเสียงเลือกตั้งกลุ่มใหญ่ ด้วยการเรียกร้องเชิญชวนให้พันธมิตรผู้มากอิทธิพล อย่างเช่น กองทัพหรือศาล ให้บ่อนทำลายคู่แข่งของตน
เวลานี้ได้กลายเป็นวงจรไปแล้ว เมื่อประชาชนเลือกพรรคที่ทักษิณสนับสนุนให้เป็นรัฐบาล พวกชนชั้นนำก็จะเข้าโค่นล้ม อาทิ กรณีการรัฐประหารเมื่อปี 2549, กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2551 เมื่อประชาชนออกมาประท้วงบนท้องถนนก็เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ จากนั้น พรรคที่ทักษิณสนับสนุนก็ชนะเลือกตั้งอีก
มีการโจมตีนโยบายต่างๆของรัฐบาลยิ่ง ลักษณ์ แต่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ ซึ่งทั้งสองได้ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายเนื่องจากสั่งปราบปรามคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ขณะเป็นรัฐบาล ก็ได้แพ้มติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี
หลายคนเคยหวังว่า  ความขัดแย้งของคนต่างสีเสื้อจะยุติลงหลังจากเหตุการณ์น่าสลดเมื่อเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งคนเสื้อแดงได้ประท้วงการโค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่นายสุเทพกำลังเรียกร้องอยู่ในเวลานี้
น่าเสียใจที่สัญญาณทุกอย่างล้วนชี้ว่า เหตุการณ์กลับกำลังจะบานปลายยิ่งขึ้น
วันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม กำลังใกล้เข้ามา เบนจามิน ซาแว็กกี ที่ปรึกษากฏหมายอาวุโสประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของคณะกรรมการนักกฎหมาย ระหว่างประเทศ บอกว่า นายสุเทพไม่ต้องการทำลายบรรยากาศของวันมหามงคลนี้ ดังนั้น เขาจะเร่งยกระดับการชุมนุม ด้วยความหวังว่าทหารจะทำรัฐประหาร หรือประกาศกฎอัยการศึกเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะถึงวันหยุดสำคัญนี้
"นี่เป็นการเมืองแบบอันธพาล"  รายงานของไทม์ระบุ.
ที่มา : TIME
ภาพ : Reuters

วาทะเด็ดเย็น 27 พ.ย. 56 - โอเคนะครับ

ที่มา Thai E-News


นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 27 พ.ย. 56
เครดิต PuCca Pu
 — with Sunisa Mookdarsanitอริสา ไตยสิทธิ์Som Kiatธีระ ยุติวงษ์Jaree Jeera and Rpc Orawong.



ทำไมรัฐบาลไม่ควรยุบสภา

ที่มา Thai E-News

 โดย ใจ อี๊งภากรณ์



รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ควรยุบสภาหรือลาออก ตามคำเรียกร้องของคนชั้นกลางเสื้อเหลืองที่มาประท้วงภายใต้การนำของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ผมฟันธงแบบนี้ทั้งๆ ที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง และการปกป้องกฏหมายเผด็จการ 112 ของรัฐบาล
     ในประการแรก การยุบสภาจะไม่ทำให้ผู้ประท้วงพอใจแต่อย่างใด เพราะเขาไม่สนใจประชาธิปไตยและรู้ดีว่าถ้ายุบสภา ประชาธิปัตย์ สุเทพ และพรรคพวกของเขา ไม่มีวันชนะการเลือกตั้ง เราควรคำนึงถึงการยุบสภาของอดีตนายกทักษิณในปี ๒๕๔๙ เพราะพอจัดการเลือกหลังจากนั้นตั้งพรรคฝ่ายค้านไม่ยอมลงสมัคร เพราะรู้ว่าจะแพ้ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถครองใจคนส่วนใหญ่ได้ การไม่ลงสมัครของพรรคฝ่ายค้านเพิ่มวิกฤต จนตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วนำไปสู่รัฐประหาร ข้อแก้ตัวของฝ่ายเหลืองตอนนั้นและในขณะนี้คือ เขามองว่าประชาชนส่วนใหญ่ “ขาดวุฒิภาวะพอที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้ง” ซึ่งเป็นข้ออ้างของฝ่ายเผด็จการมาแต่ไหนแต่ไร พวกนี้จะไม่พอใจจนกว่าคนล้าหลังของเขาขึ้นมาตั้งรัฐบาลด้วยวิธีใดก็ได้
     ในประการที่สอง อภิสิทธิ์กับสุเทพเป่าประกาศว่ารัฐบาล “ขาดความชอบธรรม” เราอาจถกเถียงในเรื่องนี้ได้ แต่เราเถียงไม่ได้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งขาดลอยในการเลือก ตั้งคราวที่แล้ว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง ต้องให้ทหารตั้งเป็นรัฐบาลแทน
     แต่ประเด็นที่สำคัญกว่าคือ คนที่กล่าวหาว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรม เป็นพวกมือเปื้อนเลือด เพราะเขาดำรงตำแหน่งสูงในรัฐบาลตอนที่มีการเข่นฆ่าประชาชนเสื้อแดงที่ไม่ถือ อาวุธ ผมนึกไม่ออกว่าศีลธรรมฉบับไหนในโลกมองว่ามาตกรมีความชอบธรรม ดังนั้นเราไม่ต้องไปให้ความสำคัญกับคำพูดของสุเทพหรืออภิสิทธิ์ เขาพร้อมจะฆ่าคนเพื่อรักษาอำนาจเผด็จการ
     นักวิชาการหลายคนเสนอว่ารัฐบาลควรจัดทำประชามติโดยเร็ว เพื่อถามประชาชนว่าต้องการยกเลิกหรือแก้รัฐธรรมนูญทหารปี ๕๐ ทั้งฉบับหรือไม่ ผมเห็นด้วย ควรรีบทำ แต่ขณะที่ทำประชามติไม่ต้องยุบสภาแต่อย่างใด ถ้ารัฐบาลชนะประชามติ ก็พิสูจน์ว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรัฐบาล ถ้าแพ้ประชามติ รัฐบาลก็ควรลาออกและยุบสภา นี่คือกระบวนการประชาธิปไตยรัฐสภาในระดับสากล
     คำถามคือรัฐบาลกล้าทำประชามติแบบนี้หรือไม่ เพราะที่แล้วมาก็จับมือประนีประนอมกับทหารมาตลอด
     ส่วนเรื่องตลกร้ายของ “ม็อบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” และสุเทพ ที่พูดถึง “สภาประชาชน” หรือ “รัฐบาลประชาชน” เราไม่ต้องให้ความสำคัญเลย เพราะเป็นคำโกหกตอแหลของกลุ่มคนที่ดูถูกประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เคารพมติประชาชน และมัวแต่เรียกร้องให้ทหารทำรัฐประหาร พวกนี้ไม่มีแม้แต่เศษขี้เล็บของความชอบธรรมเลย
-- 
Giles Ji Ungpakorn
UK mobile:+44-(0)7817034432
UK landline +44(0) 1865-422117

เดลินิวส์: "จารุพงษ์"แจงเวทีแดงไม่มีการยึดศาลากลาง

ที่มา Thai E-News

 ที่มา เดลินิวส์



เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อเวลา 21.15 น.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวบนเวทีตอนหนึ่ง ว่า ขอชี้แจงเรื่องการยึดศาลากลางจังหวัด โดยข้อเท็จจริงที่ตนได้รับรายงานในวันนี้ คือใน 61 จังหวัดไม่ได้มีการยึดศาลากลางแต่อย่างใด เป็นความจริงที่อยากให้พี่น้องเข้าใจ ทั้งนี้มีเพียงจังหวัดเดียวที่เขาเข้ายึดจริงได้คือศาลากลาง จ. สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เจรจาทำความเข้าใจกับประชาชน อย่างไรก็ตามตนถือว่าผวจ.สุราษฎร์ธานี และข้าราชการ ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เราจะไม่เอาโทษใดๆ ทั้งนี้ผวจ.สุราษฎร์ฯ ยืนยันว่ายังทำงานได้อยู่ โดยใช้จวนผู้ว่าฯเป็นสถานที่ทำงาน

นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ศาลากลางจังหวัดสร้างด้วยเงินภาษีประชาชน กระทรวงมหาดไทยอยู่มากว่า 120 ปีแล้ว เป็นสัญลักษณ์ของการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นศูนย์สั่งการช่วยเหลือประชาชน เขาต้องการให้เห็นว่ารัฐของเราล้มเหลวในการปกครอง ซึ่งเข้าข่ายข้อหากบฏดีๆ นี่เอง อย่างไรก็ตามตนก็บอก ผวจ.ไปแล้วว่า ต้องดูแลรักษาและคุ้มครองเก้าอี้ที่นั่งทำงานให้ดี ในขณะเดียวกันเราก็บอกว่าประชาชนที่เดินเข้ามาแล้วแสดงสัญลักษณ์มาแสดงความ คิดเห็นที่ต่างเราก็ยอมรับได้ไม่เป็นไร อย่าว่าแต่มา 100 คน มาคนเดียวก็ขึ้นศาลากลางได้ทุกคน แต่ถ้าจะมายึดศาลากลางนั้นไม่ได้เด็ดขาด


นายจารุพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้มีเพียง 4 จังหวัดที่มีม็อบเกิน 1,000 คน เช่น จ.สงขลา ซึ่ง ผวจ.ก็พาเดินเข้ามาด้วยตัวเอง ส่วนการเป่านกหวีดก็เป็นลูกไม้มหาดไทยผวจ.นครสวรรค์ก็เป่านกหวีดด้วยความ สนุกสนาน อย่าไปถือสาอะไร แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้รัฐบาลยอมไม่ได้ต้องพูดจากันด้วยเหตุผล ไม่ใช่การเข่นฆ่ากัน ส่วนกระทรวงมหาดไทย เขาไม่สามารถเข้ามาภายในกระทรวงได้ เราไม่ใช่ต้องการท้าทายเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้คนไทยฆ่ากัน ทั้งนี้ศูนย์กลางของการดูแลรับใช้ประชาชนคือกระทรวงทั้ง 20 แห่ง ตัวเขาเองก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ถ้ามีสติและเป็นประชาชนคนไทยที่รักชาติรักประชาธิปไตยเขาไม่ควรทำเช่นนั้น วันที่ 29 พ.ย.นี้ฝ่ายที่ต้องการเห็นอำนาจรัฐล้มเหลวก็ยังจะเดินเคลื่อนไหวไปแสดง สัญลักษณ์ตามหน่วยงานต่างๆ ภาพเห็นชัดเจนและคนที่โบกมือเปิดประตูกระทรวงการคลังรู้หรือไม่ว่าเข้าข่าย กบฏ โทษจำคุก 7 ปี อายุความ 10 ปี จึงยังไม่จำเป็นที่เราต้องรีบดำเนินการ แต่ท้ายที่สุดเราต้องมีการดำเนินคดีเอาผิดแน่นอน

พิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญใหม่

ที่มา Thai E-News

 


ที่มา หน้าเฟชบุ๊คของ
 
ตัวอย่างร่างรัฐธรรมนูญฉบับพิมพ์เขียว ของ ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ เพื่อการเมืองแบบเผด็จการ โดยคณะองคมนตรี อย่างเต็มรูปแบบ ท่านคงจะได้นำเสนออีกครั้งที่งานอภิปราย ณ ศาลปกครองในวันศุกร์นี้
...............................

มาตรา ๒๙๑ / ๑ "ให้มีคณะกรรมการ คณะหนึ่ง เรียกชื่อว่า “คณะกรรมการพิเศษเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ” ประกอบด้วย กรรมการซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจำนวน 7 คน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

(ก) ประเภทที่หนึ่ง ได้แก่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญ จำนวนห้าคน ได้แก่
(1) ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ประธานองคมนตรีถวายชื่อตามคำแนะนำของคณะองคมนตรี สองคน
...

(ข) ประเภทที่สอง ได้แก่ กรรมการที่มีประสบการณ์ทางการเมือง ที่ประธานองคมนตรีถวายชื่อตามคำแนะนำของคณะองคมนตรีจาก ผู้ที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว จำนวนสองคน

ให้มีประธานคณะกรรมการพิเศษเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติหนึ่งคนและรอง ประธานหนึ่งคน ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งจากกรรมการพิเศษเพื่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ แห่งชาติ โดยการถวายชื่อโดยประธานองคมนตรีตามคำแนะนำของคณะองคมนตรี

การถวายรายชื่อบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำโดยผ่านประธานองคมนตรี ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ......... ใช้บังคับ

ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการการแต่งตั้งประธาน รองประธาน และกรรมการพิเศษเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ

“พรรครัฐบาล” ตามวรรคหนึ่ง (ก) (3) หมายความถึง พรรคการเมืองที่มีสมาชิกของพรรคหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อโดยพรรค ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งข้าราชการการเมืองอื่น และ “พรรคฝ่ายค้าน” หมายความถึง พรรคการเมืองที่มีสมาชิกของพรรคเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่มิใช่เป็นพรรครัฐบาล"
http://www.pub-law.net/publaw/view.aspx?id=1493

รวบ 2 โจ๋ระยำ ใช้มีดสปาต้าฟันตำรวจ ปจ. ชุด คฝ.ระยอง ได้รับบาดเจ็บ

ที่มา go6tv

 
29 พฤศจิกายน 2556 go6TV  -  เวลาประมาณ 22.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้าย 2 คนใช้อาวุธมีดสปาต้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ บริเวณสะพานเทพหัสดินทร์ ใกล้แยกพิชัย แล้วหลบหนี โดยทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้เป็นเป็นหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ ส.ต.อ.ภานุพงศ์ เภารอด ผบ.หมู่(ป.)สภ.ปลวกแดง ประจำ หมู่ 3 ม.ว. 2 ร้อน คฝ.1 ภ.จว.ระยอง   ส.ต.อ.เอกราช  ไพยรัตน์ ผบ.หมู่(ป.) สภ.ปากน้ำประแสร์ ประจำหมู่ 2 มว. 2 ร้อย คฝ.1 ภ.จว.ระยอง และ ส.ต.อ.ธนะบดี ประดิษฐ์ ผบ.หมู่(ป.)สภ.สำนักทอง ประจำหมู่ 4 มว. 3 ร้อย คฝ.1 ภ.จว.ระยอง เดินทางกลับจากไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เซเวนอีเวฟเว่น ถนนพิชัย เพื่อไปยังที่พักกำลังร้อย คฝ.ภ.จว.ระยอง ซึ่งอยู่ที่พรรคชาติไทยพัฒนา แยกขัติยานี มาถึงบริเวณเชิงสะพานเทพหัสดินทร์ ได้มี นายวิสูตร นาคบุญมา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 13 ต.พระนอน อ.เมืองนครสวรรค์ จว.นครสวรรค์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟสีน้ำเงินค้นหมายเลขทะเบียน ขจธ กำแพงเพชร 743 มีนาย ภาณุ ศิลาเงิน อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 228/1 หมู่ที่ 11 ต.วังไทร อ.คลองขลุง จว.กำแพงเพชร ซ้อนท้าย ขับขี่มาจอดบนสะพานเทพหัสดินทร์ จากนั้น นายภาณุ ได้ชักมีดสปาต้า ที่พกมาวิ่งเข้าฟัน ส.ต.อ.ภานุพงศ์ โดยมีนายวิสูตร ลงจากรถมาลุมทำร้าย ส.ต.อ.ภาณุพงศ์ โดย ส.ต.อภาณุพงศ์ และ ส.ต.อ.เอกราช ได้ช่วยกันต่อสู้จนแย้งอาวุธมีดสปาต้า และรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าวไว้ได้ โดย นายวิสูตร และ นายภาณุ วิ่งหลบหนีไป แต่ ส.ต.อ.เอกราช ได้รับบาดเจ็บ เป็นบาดแผลถลอก และขีดข่วนตามแขน นิ้วมือ และหัวเข่า

ต่อมาเมื่อ พ.ต.อ.นพดล ศรสำราญ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง ผู้ควบคุมร้อย คฝ.1ภ.จว.ระยอง ได้รับรายงานเหตุจึงนำ ส.ต.อ.ภาณุพงศ์ กับพวกมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต และ ฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต ฝ่ายสือสวน สน.สามเสน ได้ร่วมติดตาม จับกุมตัว นายวิสูตร และ นายภาณุ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย พกพาอาวุธมีดฯ  ในเขตพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี