แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จดหมายถึงทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ และเครือข่าย เรื่อง นิรโทษกรรมเหมาเข่ง-สุดซอยกับการรักษาประชาธิปไตย

ที่มา ประชาไท


จดหมายเปิดผนึกถึงคุณทักษิณ-คุณยิ่งลักษณ์  ชินวัตร และเครือข่าย
เรื่อง นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง-สุดซอย กับปัญหาการรักษาประชาธิปไตยไทย


ประชาธิปไตยเป็นระบอบการเมืองที่เราใฝ่ฝันและเป็นหลักสากลที่ดีที่ สุดในปัจจุบัน แต่ประชาธิปไตยเป็นระบอบการเมืองที่เปราะบางซึ่งกลุ่มคนที่มีอำนาจและผล ประโยชน์มักจะหาทางเอาเปรียบสังคม และทำให้ต้นประชาธิปไตยแคระแกร็นจนคนในสังคมถูกทำให้เชื่อว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับสังคมไทย
ดังนั้น ทุกฝีก้าวของสังคมไทยเราจะต้องละเอียดกับการใช้ชีวิตแบบประชาธิปไตย เพราะย่อมมีกลุ่มคนที่มุ่งหวังจะฉกฉวยและทำให้ประชาธิปไตยมีคุณค่าเท่ากับ ศูนย์และพวกเขาก็จะสามารถครองบัลลังก์อำนาจในซากเสื้อคลุมของระบอบนี้
คุณทักษิณและตระกูลชินวัตร สามารถประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นเป็นชนชั้นนำทางเศรษฐกิจการเมืองขั้นสูง สุดในช่วง12 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องผ่านภาวะบ้านแตกแต่ก็เห็นได้ชัดว่า สาแหรกยังไม่ขาด การที่มีคนในตระกูลนี้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี 3 คนถึงปัจจุบัน และอาจมีคนที่ 4 ที่ 5 หรือที่ 6 และต่อๆ ไปนั้น ย่อมเป็นเครื่องหมายอันสำคัญว่าทักษะและความสามารถของคุณทักษิณย่อมอยู่ใน ระดับผู้นำที่สร้างตัวขึ้นมาหาใช่เรื่องทางสายเลือดไม่ เพราะแม้ว่าคุณทักษิณไม่สามารถที่จะอยู่ยืนเหยียบในแผ่นดินนี้ในปัจจุบันได้ แต่แผ่นดินนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธในการให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือคนสกุลชินวัตรอื่นๆในอนาคตขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และคุมบังเหียนทิศทางนโยบายของประเทศได้
ความสำเร็จของคุณทักษิณและตระกูลชินวัตรเกิดขึ้นได้เป็นเพราะการเติบโต ของประชาธิปไตยไทย แต่ขณะเดียวกัน การขับไล่และล้มคุณทักษิณ ก็เกิดจากปัจจัยที่คุณทักษิณและตระกูลชินวัตรเชื่อมั่นในอำนาจของคะแนนเสียง โหวตข้างมากในสภาเพียงประการเดียว เพราะความชอบธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย มันไม่ใช่เพียงความชอบธรรมด้านคะแนนเสียงในสภา แต่มันยังมีความชอบธรรมทางสังคมต่อแต่ละประเด็นที่สำคัญๆ ด้วย ดังกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปอันเป็นจุดเริ่มของจุดจบของคุณทักษิณและเครือข่าย กระบวนการขายหุ้นนี้ถูกทำให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ผ่านเสียงส่วนมากในสภา แต่กลับล้มเหลวในการทำให้คนในสังคมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวนี้เป็นความชอบ ธรรม หากแต่เป็นเรื่องความละโมบโลภมากจนยากที่สังคมจะไว้เนื้อเชื่อใจได้ ดังนั้น คุณทักษิณจึงต้องล้มลง
สังคมไทยนั้นอยู่บนทางสองแพร่ง ว่าจะเอาประชาธิปไตยหรือจะยอมให้เผด็จการครองอำนาจ ซึ่งถึงวันนี้ คำตอบค่อนข้างชัดเจนว่าสังคมไทยมีความหวังต่อการสร้างประชาธิปไตย ความหวังนี้จึงเปิดทางให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แม้ว่ากระแสเสียงในสังคมจะไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าจะเชื่อใจคุณทักษิณและชินวัตร ได้ว่าจะอยู่ข้างฝ่ายประชาธิปไตย หรือเพียงแต่ฉวยใช้ระบอบนี้เพื่อเป้าหมายทางอำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น ดังกรณีครบรอบสองปีการฆ่าประชาชนกลางกรุงเทพฯ เมื่อพฤษภาคม 2555 คุณทักษิณก็รีบขอบคุณเหล่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้สละชีวิตจนมีวันนี้กลับมา ของครอบครัวชินวัตร โดยประกาศว่าต้องการจะสละเรือและเดินต่อไปบนฝั่งเขาเพียงลำพัง แต่คุณทักษิณก็ต้องรีบกลับมาหาพี่น้องเสื้อแดงเมื่อตระหนักว่ายังไม่อาจรอด พ้นจากศัตรูที่มีอีกมากมาย ส่วนสังคมไทยในพลังฝ่ายประชาธิปไตย จึงถูกทำให้คิดเสมอว่าคุณทักษิณและเครือข่ายนั้นพร้อมที่จะ “ขี้ตั๊วะแต้ๆ” ต่อฝ่ายประชาธิปไตย
ในกรณีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหากฎหมายนิรโทษกรรมให้เป็นแบบเหมาเข่ง-สุดซอย เพื่อให้คุณทักษิณได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้ง หากพิจารณาแล้วย่อมเป็นความหวังที่แท้จริงของคุณทักษิณและเครือข่าย และเราก็สามารถเชื่อได้ว่า กฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง-สุดซอยนี้ จะผ่านขั้นตอนของสภาด้วยเสียงข้างมากและประกาศใช้เป็นกฎหมายได้อย่างถูก ต้อง  ไม่ว่าเครือข่ายคุณทักษิณจะพยายามสร้างชุดอธิบายว่าเป็นเรื่องของกรรมาธิการ เสียงข้างมากเท่านั้น หรือเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาไม่เกี่ยวกับฝ่ายรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ หรือไม่เกี่ยวกับคุณทักษิณและชินวัตรแต่อย่างใด ก็ตามที ฯลฯ จะมีใครเชื่อบ้างหรือไม่?
แต่สาระสำคัญของคำว่า “ขี้ตั๊วะแต้ๆ” นั้นจะกลายเป็นปัญหาความชอบธรรมทางสังคม พลังฝ่ายประชาธิปไตยจะสิ้นพลังความหวังพลังกลางๆ ส่วนใหญ่ที่ต้องการข้ามปัญหาทางการเมืองเพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าไปสู่ความ เจริญทางเศรษฐกิจและความสงบของสังคม จะสูญสิ้นศรัทธาต่อนักการเมืองจากการเลือกตั้งอีกอย่างซ้ำซากว่าไม่อาจเป็น ความหวังได้อีกต่อไป พลังที่อ่อนล้าในทางสังคมเหล่านี้คือการพังทลายของเกราะกำบังเหล็กของคุณ ทักษิณคุณยิ่งลักษณ์และเครือข่าย และการฉวยจังหวะกลับมาของพลังอำนาจเผด็จการนิยมแบบเก่าๆ
ประชาธิปไตยไทยต้องเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน แม้อาจต้องล้มลุกคลุกคลานอีกเป็นระยะๆ แต่สำหรับคุณทักษิณ  ชินวัตร และเครือข่าย เป็นอีกเรื่องต่างหาก หากคำๆนี้ “ขี้ตั๊วะแต้ๆ” ดังทั้งสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนกลุ่มฝ่ายต่างๆ ที่เหลือต่างก็ได้รับอานิสงส์จากการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง-สุดซอยเรียบร้อย แล้ว

ด้วยคารวะต่อประชาชนทุกคนที่สร้างและรักษาประชาธิปไตยไทยตลอดมา

นายธำรงศักดิ์  เพชรเลิศอนันต์
จันทร์ 28 ตุลาคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น