แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ดอยอินทนนท์กวาดรายได้ท่องเที่ยวกว่า 30 ล้านบาทต่อปี

ที่มา Voice TV




แหล่งท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ นอกจากมีความสวยงามของไม้ดอกนานาพรรณแล้ว  ยังมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าดูงานในสถาบันวิจัยประมงบนที่สูง และอีกหลายกิจกรรม จนทำให้แต่ละปี มีรายได้จากนักท่องเที่ยว กว่า 30 ล้านบาท 
 
 
ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ ที่นักเดินทาง อยากจะไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เชื่อว่าคงมี อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ หรือ ดอยอินทนนท์ อยู่ในใจแน่นอน เพราะไม่ว่าจะรักการเที่ยวแบบชิลล์ ๆ หรือแบบลุยๆ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ก็มีความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของป่า มวลหมู่ดอกไม้นานาพรรณและ สภาพอากาศที่หนาวเย็นและชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี โดยส่วนใหญ่แล้วการท่องเที่ยวที่นี่จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
 
 
สถานที่แห่งแรกที่ไม่ว่าประชาชนธรรมดา หรือกลุ่มนักเรียนนักศึกษา เข้าเยี่ยม คือสวนเฟิร์นที่รวบรวมเฟิร์นไว้หลายสายพันธุ์ เช่น เฟิร์นสกุลหญ้ารังไข่,เฟิร์นกูดดำอ่างกา,เฟิร์นกูดใบหยัก โดยกลุ่มที่มาทัศนศึกษาจะใช้สวนนี้เป็นแหล่งเรียนรู้และด้านนอก ที่สะดุดตา คือ สวน 80 พรรษา โดยใจกลางเป็นสระน้ำ และแวดล้อมไปด้วยดอกไม้กว่า 100 สายพันธุ์ เช่น ฟ้ามุ่ย,ช้างแดง,กุหลาบป่า เป็นต้น
 
 
ไม่ไกลกันนัก เป็นส่วนของสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ ที่ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับผักปลอดสารพิษ และวิธีการปลูกพร้อมกับสามารถทดสอบความสดสะอาดของผักโดยการรับประทาน ซึ่งผักเหล่านี้ส่งออกไปสู่ต่างประเทศในแถบยุโรปตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการส่งออก 5-6 ร้อยล้านบาท
 
 
ถัดไปอีกไม่ไกลนัก เป็นสถานีวิจัยการประมงบนพื้นที่สูงที่รวบรวมการวิจัยพันธ์ปลา 2 ชนิด คือ ปลาเรนโบว์เทราต์ ที่ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว โดยสามารถเพาะพันธุ์และ เติบโตที่นี่อบบครบวงจร  แต่ละปี จึงผลิตได้ 10,000 ตัว โดยปลาเหล่านี้เมื่อโตเต็มวัยจะ มีน้ำหนัก 300-400 กรัมต่อตัว ราคาตัวละ 200-300 บาท ซึ่งปัจจุบันส่งให้โครงการหลวงเป็นผู้จำหน่ายเท่านั้น
 
 
อีกหนึ่งชนิดคือ ปลาสเตอร์เจียน ซึ่งเป็นปลาพันธุ์รัสเซีย เป็นปลาที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร โดยเฉพาะไข่ ที่เรียกว่า ไข่ปลาคาเวียร์ ซึ่งนับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ปลาชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม มีหนามแหลมสั้น ๆ บริเวณหลัง หัว และเส้นข้างลำตัวไว้เพื่อป้องกันตัว มีหนวดทั้งหมด 2 คู่อยู่บริเวณปลายจมูก ปลายหัวแหลม ปากอยู่ใต้ลำตัว  ตามีขนาดเล็ก หากิน สัตว์น้ำขนาดเล็กต่างๆ ตามพื้นน้ำ โดยใช้เวลาเลี้ยง 7 เดือน นับตั้งแต่เพาะพันธุ์ จนโตเต็มวัยมีขนาดพร้อมส่ง ปลาชนิดนี้จะมีชีวิตในน้ำสะอาดอุณหภูมิเย็นไม่เกิน 24 องศาเซลเซียส และจะเจริญเติบโตดีในอุณหภูมิ 18-19 องศาเซลเซียส 
 
 
นอกจากการวิจัยปลา 2 ชนิดนี้แล้วยังมีการวิจัยปลาท้องถิ่นเพื่อเพาะพันธุ์ด้วย ซึ่งปลาเหล่านี้ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำดอยอินทนนท์ไปแล้วสำหรับผู้มาเยือน
 
 
อย่างไรก็ตามสถานที่ท่องเที่ยงแห่งนี้มีครบทุกรสชาติ ผู้ท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดทั้งปี โดยในปีหนึ่งนั้นมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 1 ล้านคน โดยแบ่งเป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางร้อยละ 10 ที่เหลือเป็นชาวไทย สำหรับการเข้าชมนั้นค่าธรรมเนียม ชาวไทย 40 บาท /ต่างชาติ 200 บาท ซึ่งจากการเก็บค่าธรรมเนียมทำให้ในหนึ่งปีมีรายได้เข้าดอยอินทนนท์มากกว่า 30 ล้านบาท 
21 กรกฎาคม 2556 เวลา 11:15 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น