แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิวาทะว่าด้วย "การเมืองเสื้อสีไม่มีอนาคต" เกษียร สมศักดิ์ ใบตองแห้ง และ ธเนศวร์ เจริญเมือง

ที่มา ประชาไท


เกิดวิวาทะในเรื่องการประเมินถึงอนาคตของขบวนการเคลื่อนไหวของประชาชนใน อนาคตระหว่างนักวิชาการคอลัมนิสต์บนพื้นที่เฟซบุ๊กหลายท่าน นอกจากการเหน็บแนม จิกกัดกันเล็กน้อย ตามลีลาส่วนตัวของแต่ละท่านแล้ว ประชาไทเห็นว่าประเด็นเรื่องอนาคตของขบวนการเหลือง-แดง และความเห็นแย้งในเรื่องการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ขบวนการเคลื่อนไหว เป็นประเด็นที่ควรบันทึกและศึกษาต่อไป
รายการ  intelligence  ทางวอยซ์ ทีวี ได้สัมภาษณ์ เกษียร เตชะพีระ ในประเด็น การเมืองเสื้อสีไม่มีอนาคต  intelligence 25 05 56



โดยก่อนหน้าออกอากาศ ใบตองแห้ง ประชาไท  ได้ "โฆษณา"  บทสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า
...........................
ใบตองแห้ง ประชาไท
เห็นด้วยว่าเกษียรคงถูกวิจารณ์หนักทั้งเหลืองแดง แต่นี่เป็นการมองข้ามช็อตอย่างเฉียบคมที่สุด ฟังตอนบันทึกเทปแล้วยังเปิดฟังอีกรอบ เพื่อพาดหัวและเขียนโปรโมท ยังรู้สึกทึ่ง อันที่จริง ผมก็คิดแบบเดียวกัน (อย่างที่สะท้อนในเรื่อง "เป็นแดงไม่ใช่เพื่อไทย") แต่ผมยังคิดได้ไม่เป็นระบบเท่าเกษียร
รัฐบาลประสบความสำเร็จในการสร้างอำนาจนำทางเศรษฐกิจ กุมกระแสข้างมากในสังคมไว้ได้ กลุ่มทุนธุรกิจ คนกลางๆ ที่ไม่อยู่สีใด ต้องการให้รัฐบาลนำประเทศไปสู่การก้าวกระโดดใหญ่ การเมืองเสื้อสีกำลังจะกลายเป็นคนชายขอบ พวกเสื้อเหลือง สลิ่ม สปริง แมลงสาบ กลายเป็นตัวตลก อาจจะมีคนฟังบ้างเมื่อรัฐบาลเหลิงอำนาจหรือคอร์รัปชั่น แต่พออ้าปากเรียกหารัฐประหารหรือจะเอาศาลมาล้มรัฐบาลก็มีแต่คนร้องยี้
เสื้่อแดงก็เช่นกัน แม้เสื้อแดงจะบรรลุเป้าหมายพื้นฐาน อำนาจจากการเลือกตั้งมั่นคง อำนาจนอกระบบไม่สามารถล้มรัฐบาลอีก แต่ถ้าจะไปไกลถึงขั้น "โค่นอำมาตย์" รัฐบาลเพื่อไทยก็คงไม่เอา เกษียรมองว่ารัฐบาลเพียงแต่ต้องการจัดการศาลและองค์กรอิสระเพื่อไม่ให้ ประเทศอยู่ในสภาพที่มีอำนาจนำ 2 ขั้ว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ (แต่จะไปไกลถึงขั้นปฏิรูปศาล ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปสถาบัน เพื่อไทยก็คงไม่เอา-นี่ผมต่อเติมเอง)
เสื้อแดงยังผูกกันอยู่ด้วยประเด็นนิรโทษกรรมและทวงความยุติธรรมพฤษภา 53 แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีประเด็นอะไรที่ลึกซึ้้งร่วมกัน ความต้องการปฏิรูปด้านต่างๆ ก็ยังไม่ใช่จุดร่วมกันทั้งขบวน ซึ่งมีทั้งแดงทักษิณ แดง นปช.แดงอิสระกลุ่มต่างๆ
ประเด็นที่น่าห่วงเมื่อมองไปข้างหน้าคือรัฐบาลจะมีอำนาจมั่นคงขึ้น เรื่อยๆ อย่างที่เริ่มมีท่าที "อำมาตย์จากการเลือกตั้ง" แบบปลอดประสพ แบบวรวัจน์ แบบหมอประดิษฐ์ ขณะเดียวกันแนวทางพัฒนาประเทศก็จะมุ่งไปที่ประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจเป็นสำคัญ ซึ่งจะกระทบกับประชาชนคนเล็กคนน้อยในขณะที่ภาคประชาสังคมอ่อนแอ ยังไม่ Repositioning ให้พ้นจากการเมืองเสื้อสี แบบว่าจะต่อต้านการพัฒนาเรื่องอะไร อันที่จริงเป็นเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อน แต่พอยะใสโดดเข้ามาใส่ซอสศรีราชา (ฟ้องผู้ตรวจการ) หรือศรีสุวรรณ จรรยา ฟ้องศาลปกครอง เป็นอันจบกัน ไม่มีใครอยากฟัง
ป.ล.ตอนท้ายๆ ไม่ใช่เกษียรพูดแต่ผมฟังแล้วเอามาเขียนเอง 555

.......................... ต่อมา สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล  มีความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ของเกษียรว่า

(1)
หนึ่งในประเด็น "การเมืองเสื้อสี" ทีเกษียร เรียกว่า เป็นการเมือง "สุดโต่ง" และเสนอให้สังคมช่วยกันทำให้ "เป็นเรืองตลก" คือ ข้อเรียกร้องของเสื้อแดง ทีต้องการเห็น "ฆาตรกร" ได้รับโทษ นะครับBy the way, "สุดโต่ง" นี่ จะนิยามว่าอย่างไรดี? ประเด็นทีเพิ่งว่ามานี ในหมู่เสื้อแดง จะถือว่า "สุดโต่ง" ไหม? ควรทำให้เป็น "เรืองตลก" ไหม?
By the way (2) ประเด็นสถาบันกษัตริย์นั้น ถ้ามันง่ายเพียงแค่ว่า "ต้องไม่โหน ต้องไม่อ้าง" ฯลฯ อย่างที่วา ป่านนี้ วิกฤติ มันจบไปนานแล้วกระมัง? สถาบัน คงไมใช่แค่อะไรที "ถูกอ้าง" เท่าน้น กระมัง?

(2)
ทีน่าสังเกตด้วยว่า ในตอนท้ายสุด คุณตวงพร ซึงยังมองเป็นอะไรมากกว่า นักวิชาการใหญ๋ ยังถามว่า แล้วเสื้้อแดง ซึงดูยังมีพลัง ล่ะ? (คำตอบ เกษียร ถ้าสังเกตดีๆ ไม่สามารถ โยงเข้ากับการ "ฟันธง" ในตอนต้นได้ด้วยซ้ำ)
ประเด็นสำคัญในเรือง "เสื้อสี" ในส่วนสีแดง จริงๆ (ซึงต่างจากฝั่ง "เหลือง") คือ นี่เป็น"ฐานมวลชน" สำคัญของฝ่ายทักษิณ เพื่อไทย ซึง ตราบเท่าที ฝ่ายนี้ ยังไม่สามารถ secure ชัยชนะ เหนืออีกฝ่ายเด็ดขาด ก็ไม่มีทางทีมันจะหายไปไหนหรอก เห็นได้ง่ายๆ เมือวันอาทิตย์ทีแล้ว ที่เขาระดมมา เพื่อ "ส่งสัญญาณให้ "บางคน"

(3)
Finally ฟังยังไง ก็นึกไม่ออกว่า ที่เกษียร พูดนั้น โดยเฉพาะ ประเด็น "การเมืองเสื้อสีจบแล้ว" .. จะเป็น "ทางออก" ให้ "ออกจากการเมืองเสื้อสี" อย่างไร
เรืองเสื้อสี เป็นเพียงปรากฏการณ์ ทีสะท้อนปัญหาใหญ่กว่านั้น คือ การปะทะ ระหว่าง อำนาจ 2 แบบ แบบหนึ่ง คืออำนาจ เลือกตั้ง ทีทักษิณ เป็นตัวแทน และเป็นแกนนำ โดยมี "เสื้อสี" (แดง) เป็นฐานมวลชนสนับสนุน อีกอำนาจหนึง คือ อำนาจทีล้อมรอบสถาบันกษัตริย์ ตอนนี้ "ฐานมวลชน" ในลักษณะ "สีเสือ" (เหลือง) ของฝ่ายนี้ อ่อนกำลังไปเยอะ มาสักระยะหนึงแล้ว จริง แต่ว่า ฐานด้าน ตุลาการ ทหาร และ "ฐานมวลชน" ในลักษณะ "วัฒนธรรม" (คนยังเชียร์เจ้าเยอะ) ยังอยู่เยอะ
ความขัดแย้ง ระหว่าง อำนาจ 2 แบบนี้ ไม่ได้เปลี่ยนไปโดยพืนฐาน และยังมีลักษณะ stalemate กันอยู่ มันคงไม่ง่ายทีจะบอกว่า "เสื้อสีจบ"แล้วอะไรแบบนั้นกระมัง ตราบเท่าที ความขัดแย้งพื้นฐานนี้ยังอยู่ ไม่ออกมาในรูป "เสือ้สี" ก็ออกมาแบบอืน


รวมทั้งความเห็นต่อ "ใบตองแห้ง ประชาไท" ด้วยว่า
............................
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ตอบความเห็น "ใบตองแห้ง"
ที่ "ใบตองแห้ง" พูดถึง "เสื้อแดง" นั้น มาจากฐานคิดที่วา เสื้อแดง กับ รัฐบาล เป็นอะไรทีแยกกัน ซึ่งจริงๆ มันไมใช่
รัฐบาล (หรือถ้าจะใช้คำอีกอย่าง ให้คู่กัน คือ "ปีกการเมือง ของค่ายทักษิณ" ขณะที เสื้อแดง คือ "ปีกมวลชน") ต้องการ ทำเรืองเศรษฐกิจจริง แต่นี่เป็นส่วนหนึงของยุทธศาสตร์ ทีพยายามไม่ให้รัฐบาลมีลักษณะ "การเมือง" มากไป เพือป้องกันการถูกโจมตีมาก ทีวา "รัฐบาลเพียงแต่ต้องการจัดการศาลและองค์กรอิสระเพื่อไม่ให้ประเทศอยู่ในสภาพ ที่มีอำนาจนำ 2 ขั้ว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ" เป็นการกลับตาลปัตร คือ เอาปัญหาพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นประเด็นใหญ่ ของความขัดแย้งปัจจุบัน ซึง จริงๆแล้ว เนื้อแท้อยู่ทีใคร หรือ ฝ่ายไหน (หรืออำนาจแบบไหน) กุมอำานจรัฐ การ "จัดการศษลและองค์กรอิสระ" จึงไมใช่เป็นเพียงแค่อะไรบางอย่างที่ แค่ต้องการจัดการ เพือบริหารทางเศรษฐกิจเท่าน้้น แต่เป็นเนื้อแท้ และหัวใจสำคัญของการต่อสู้ทางอำนาจคร้ังนี้
ดังนั้น ตราบเท่าที่การต่อสู้ทางอำนาจนี้ ยังไม่บรรลุผล คือ ไม่มีข้างใดชนะ เหนือกว่าอีกข้างหนึง เด็ดขาด เรืองอะไรที "รัฐบาล" หรือ พูดให้ถูก คือ ทักษิณ จะโง่ ไม่รักษา "ปีกมวลชน" คือเสื้อแดงไว้? และในแง่นี้ การพูด่า การเมืองเสื้อสี เป็นเรืองของอะไรที "สุดโต่ง" ทีต้องช่วยกันทำให้กลายเป็น "ตัวตลก" จึงเป็นอะไรที "ตลก" มาก
โดยรวม ทั้งเกษียร และ "ใบตองแห้ง" หันไปสู่ "โหมด 2 ไมเอา" ทีไม่เอาไหน เหมือนสมัยก่อน จนมองไม่เห็นว่า ปัญหาการเมือง 2 ขั้วอำนาจ มันไมง่ายอย่างที่ว่า เหลือเพียงอะไรที่เป็นเพียง "ชายขอบ" "สุดโต่ง"
ปล. คำว่า "สุดโต่ง" ทีเกษ๊ยร ชอบใช้มาก ฟังแล้ว ขำแบบน่าสมเพชคนทีเขียนอะไรแบบ "สุดโต่ง" เกือบ 10 ปีแบบเกษียร คือ เอาแต่อัดนักการเมือง อย่างไม่เว้น (relentless) จน "ตกผลึก" เป็นไอเดียเรือง "ระบอบทักษิณ" ... ทังยัง เชียร์เจ้า ไปพร้อมๆกันด้วย ... การกระทำที "สุดโต่ง" มากๆ แบบนี้ ทีมีส่วนรับผิดชอบ ต่อการ "ปูบรรยากาศ" ให้เกิดวิกฤติ และรัฐประหาร (และดังนั้น จึงมี moral responsibility ต่อสิ่งทีเกิดในไม่กีปีนี้ และปัจจุบัน)
ตอนนี้ ดันหันมาค่อยว่าคนอืน "สุดโต่ง" ... เหอๆๆ น่่าสมเพชมากว่ะครับ
 .......................
ต่อมา
เกษียร เตชะพีระ
 ได้ "ตอบ" ข้อวิจารณ์ ว่า
Kasian Tejapira เนื่องจากมี "นักวิชาการเล็ก" (อะไรเล็กก็ไม่ทราบ ต้องถามเจ้าตัวเอง แต่ตอนนี้เข้าใจว่าโดนปิด FB ไปเดือนนึง โพสต์ไม่ได้เพราะสุดโต่งเกินไป.....) บิดเบือนว่าผมกล่าวว่าการเรียกร้องให้เปิดเผยความจริงและเอาผิดฆาตกร เหตุการณ์ เมษา-พฤษภา ๕๓ เป็น "การเมืองสุดโต่ง"
ท่านที่สนใจสามารถฟังการสนทนาระหว่างผมกับผู้ดำเนินรายการ Intelligence ตามลิงค์ด้านล่างได้เองว่านี่เป็นความจริงหรือความเท็จ ตามเคย? ผมพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าการเรียกร้องความเป็นจริงและความเป็นธรรมที่เกี่ยว เนื่องกับเหตุการณ์เคลื่อนไหวในอดีตควรดำเนินต่อไป ใช่หรือไม่? และ "การเมืองสุดโต่ง" คำนี้ผมนิยามและใช้ในความหมายอันใดกันแน่?
ส่วน "นักวิชาการเล็ก" นั้น หากอยากทราบว่า "การเมืองสุดโต่ง" หมายถึงอะไร? ผมขอแนะนำให้หาอุปกรณ์ ๒ อย่างมาก็จะทราบเอง คือ ๑) น้ำ ๒) กะลามะพร้าว
......................
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ได้ตอบประเด็นดังกล่าวว่า
(1) การเรียกร้องเรืองฆาตกร ใช่ประเด็นสำคัญของการเมืองของเสื้อสี(แดง) ในขณะนี้หรือไม่? ถ้าใช่ (และมองไม่เห็นว่า จะมีทางตอบเป็นอย่างอืนได้ยังไง) ก็หมายความว่า ต่อให้ เกษียร พูดว่า ตัวเอง "เห็นด้วย" เรืองลงโทษคนผิด การพูดในขณะเดียวกันว่า การเมืองเสื้อสีควรเป็นเรือง"ตลก" ก็ผิดแน่ๆ เพราะการเมืองเสื้อสี มีสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่แน่ๆ
(2) หนึ่งในตัวอย่าง การเมือง "เสื้อสี" ที่เกษียร ยกของฝั่งเสื้อแดง คือ "การมองว่าปัญหาอยู่ทีอำมาตย์" ซึ่ง นี่เป็นอะไรทีเกษียร เสนอว่า "สุดโต่ง" และ ต้องทำให้ "เป็นเรืองตลก" ทีอยู่แค่ ชายขอบเสื้อแดง อาจจะมองหลายอย่างไม่รอบด้านจริง แต่ว่า การบอกว่า การโจมตีอำมาตย์ (ซึงจริงๆ ทุกคนรู้ว่า ส่วนใหญ่ทีสุด ทีเขาโจมตี ไมใช่ "อำมาตย์" แต่คือ คนทีอยู่หลัง อำมาตย์) เป็นเรื่อง "สุดโต่ง" เป็นอะไรทีควรทำให้เป็น "เรืองตลก" .. ?
(3) ระหว่าง สีเสื้อ ทีมองว่า ปัญหาอยู่ที่ทักษิณกับสีเสื้้อ ทีมองว่า ปัญหาอยู่ที อำมาตย์สองประเด็นนี้ และการมอง 2 แบบนี้ ไมได้ "เท่ากัน" ไม่เคยเท่ากัน หรือเหมือนกันเลย การมองว่า ปัญหาอยู่ที่ทักษิณ คือการไม่ยอมรับ การเลือกตังเลย (by the way นี่ ไมใช่จุดยืนของเกษียรเอง เรือง "ระบอบทักษิณ" หรอกหรือ? เคยได้ยิน ทีเขากล้าพอจะยอมรับว่า ที่โจมตี "ระบอบทักษิณ" ไปหลายปี เป็นเรือง "สุดโต่ง" ไหม?)ในขณะทีคนทีมองเรื่อง"อำมาตย์" เป็นการมอง ในเรื่องอำนาจที่ไม่ได้รับการเลือกมา ไม่ได้รับการยินยอมพร้อมใจในทางใดๆใครทีอ้าง "ประชาธิปไตย" แต่บอกว่า 2 อันนี เหมือนๆกัน ควรทำให้เป็น"เรืองตลก" เหมือนๆกัน คนนั้น เป็นพวกประชาธิปไตยดัดจริต

.....................
นอกจากนั้น
ธเนศวร์ เจริญเมือง
ก็มีความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า  
ข้อคิดของ ศ.ดร.เกษียร เสนอให้มองหาประเด็นทางการเมือง ให้ยุติเรื่องสี แต่ว่ามีข่าวฝ่ายตรงข้ามต้องการจะขย้ำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มันก็เลยทำให้สีหายไปยากขึ้น ยิ่งสีแดงที่รักประชาธิปไตย และรักความเป็นธรรม สีแดงหายไมได้เด็ดขาด ถ้าหายไปสีเขียวอำมาตย์จะขย้ำทันที โดยเฉพาะในรอบ 2 ปีข้างหน้าเสนอได้ครับ แต่มันไม่มีทางหายไปได้หรอกในเร็ววัน ตราบใดที่ความพยายามขย้ำรัฐบาลของคนเสื้อแดงยังไม่หมดไป

ถ้ารัฐบาล นี้อยู่ครบเทอม เลือกตั้งแล้วชนะขาดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ถึงตอนนั้น ก็จะเป็นหนที่สองของการเลือกตั้ง แบบนี้ (ครั้งแรกคือ กุมภา ปี 2548) ถ้าอย่างนั้น ถ้าสีเหลืองลงแดงกันมากๆ กินน้ำใบบัวบกเพราะแพ้เลือกตั้งอีกครั้ง แพ้ยิ่งลักษณ์ราบคาบ ดื่มน้ำใบบัวบก กินแห้วจนหายใจไม่ออก ล้มลงสิ้นใจ การเมืองสีจะค่อยๆจางไป แต่ก็คงช้าๆครับ พูดว่า repositioning ก็ทำได้ แต่พูดก่อน แล้วค่อยๆทำ คนอยากให้เกิดรัฐประหารนั้น คิดหรือครับว่าเขาจะเลิกคิดเลิกอยาก ข้อเสนอของ อจ.เกษียร มันต้องมีเงื่อนไข อำมาตย์ไม่หยุดต่อต้านประชาธิปไตย สีมันจะหายไปได้อย่างไร หัวโจกอยู่ สีก็ต้องอยู่แน่นอนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น