แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ต้องจับจ้อง มองแก๊งกาลี ของเถนอัปรีย์ “สันติกระโปก”!!!

ที่มา vattavan


วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
        านวัน วิสาขะบูชาโลก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามหลวงปี พ.ศ.2556 นี้ บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวไทย ที่ตั้งใจจะไปร่วมงานวันสำคัญ อาจรู้สึกไม่สบายตาและใจ ที่ได้เห็นการชุมนุมของกลุ่ม นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ จำเลยคดีคดีก่อการร้าย และผู้ต้องหาในคดีกบฏ ที่ผมพูดถึงสัปดาห์ก่อน ในคอลัมน์
       ต้องถอนประกัน ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กบฏ-ผู้ก่อการร้าย!!!   http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=429 

content/picdata/430/data/photo_0007.jpg
        การชุมนุมของนายไชยวัฒน์ นั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม ที่ผมเรียกขาน เป็นพวกลัทธิ “สันติกระโปก” (แต่คนพวกนี้เรียกกลุ่มตัวเอง ว่าเป็นลัทธิ “สันติอโศก”) ทั้งข้าวกล้องผักหญ้าอาหาร รวมทั้งส่ง “ตาเถนจันทร์” นักเทศน์หัวบาตร มาขึ้นเวทีแทน โดยมีการถ่ายทอดวิทยุและโทรทัศน์ ในเครือข่ายไอ้เถนกาลีอัปรีย์แผ่นดินอย่างต่อเนื่อง
        ท่านผู้อ่าน คงเข้าใจให้ถูกต้องแล้ว ว่า คนนุ่งผ้าสีกลักพวกนี้ไม่ใช่ “พระสงฆ์”ในพระพุทธศาสนาของพระเจ้าแผ่นดิน พวกเขาต่างถือบัตรประชาชน และมีคำนำหน้าว่า เป็น “นาย” ทั้งสิ้น มีสิทธิเลือกตั้ง หรือลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือสนับสนุนพรรคการเมือง ตลอดจนมีลูกเมียได้ เพราะไม่ได้ถูกจำกัดสิทธิต่างๆ
โดยพระวินัย หรือกฏหมายบ้านเมืองเช่นเดียวกับพระสงฆ์
        เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมย้อนไปคิดถึงคอลัมน์ตัวเอง ใน  เว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ ออนไลน์เมื่อ 17 พฤษภาคม 2548 เป็นตอนที่ 182 ชื่อคอลัมน์ คือ
“วิสาขะ-วิวาทะ...รัฐบาลอย่าได้ ‘จุดชนวน’ ความขัดแย้งขึ้นอีก!” 
http://www.manager.co.th/Columnist/ViewNews.aspx?NewsID=9480000064987
        ต้องขอเล่าย่อๆว่า
        เหตุที่ผมต้ององเขียนบทความดังกล่าวขึ้น เพราะในขณะนั้นเป็นปี พ.ศ. 2548 นั้น ทางรัฐบาลไทยจัดการชุมนุมชาวพุทธทั่วโลก เนื่องในวันวิสาขะบูชาโลก และรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น ดันมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ดำรงตำแหน่งเป็น
        ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม
        อีตามหาห้าขัน ซึ่งมีภาพเป็นผู้นำลัทธิ “สันติกระโปก” มีดำริจะเป็น “แกนนำ” ในการจัดงานวิสาขะ ที่พุทธมณฑล ท่ามกลางความไม่พอใจของชาวไทยพุทธ ผู้ไม่ชอบลัทธิกาลี ที่คุณทักษิณดันไปแสดงท่าที เออออห่อหมกด้วย
        ผมจึงเขียนบทความดังกล่าวขึ้น เพื่อเตือนสติรัฐบาลของนายกฯทักษิณว่า อย่าได้ทำเป็นอันขาด โดยขอตัดตอนข้อเขียน มานำเสนอในตัวอักษรสีน้ำเงินดังต่อไปนี้

        ...ก่อนหน้าที่ จะมีการจัดงานวันวิสาขะได้ลงตัว มีกรณีขัดแย้งกันมาก เพราะชาวพุทธจำนวนมาก แสดงความไม่พอใจที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แห่งศูนย์คุณธรรม ที่ดำริจะเป็น “แกนนำ”ในการจัดงานวิสาขะที่พุทธมณฑล โดยจะนำเอาฝ่ายสันติอโศกพวกตนมาร่วมจัด ซึ่งนายกทักษิณก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย โดย ให้เหตุผลว่า
        จะได้เกิดความสามัคคี ในหมู่ชาวพุทธด้วยกัน!

        เมื่อมีกรณีความขัดแย้งต่างๆเกิดขึ้น หรือเมื่อมีภัยมาเบียดพระพุทธศาสนาคราใด พุทธศาสนิกชนในประเทศก็จะได้ฟังพระเถระรูปสำคัญ ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างสูงทั้งในและต่างประเทศคือ พระเดชพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ หรือท่านเจ้าคุณปยุต ปยุตโต ตอบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆแล้ว ประชาชนจะได้รับความกระจ่างทุกครั้งไป
        ความขัดแย้งครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันอาทิตย์ ที่ ๘ พฤษภาคม๒๔๔๘ ได้ลงตีพิมพ์บทความเรื่อง “พระพรหมคุณาภรณ์” มองปัญหางานวันวิสาขะบูชา
content/picdata/430/data/photo_0008.jpg
        มติชนได้นำบทการสนทนาธรรม ระหว่างญาติธรรมกับ
พระ พรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๘ ในเรื่องความขัดแย้งระหว่างมหาเถรสมาคมกับศูนย์คุณธรรม ซึ่งมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นประธาน ซึ่งความจริงแล้ว ผมว่า

        มหาเถรสมาคมก็อยู่ของท่านดีๆแท้ๆ แต่ดันมีคนนำ “ความขัดแย้ง” มาถวายท่านเอง!

        ที่มติชนอ้างว่าเป็น “ความขัดแย้ง” นั้น ก็เกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานวัน วิสาขบูชาโลก นอกจากมติชนจะถอดบทสัมภาษณ์แล้ว ยังได้มีการนำเทปบันทึกเสียงนำมาเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ในรายการวิทยุ เพราะพระเดชพระคุณ “พระพรหมคุณาภรณ์” เปรียบเสมือนเสาหลักใหญ่ต้นหนึ่งของพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน ทั้งในระดับประเทศและโลก
        จึงขอนำข้อความบางตอน ที่เป็นคำของท่านเจ้าคุณอาจารย์ ซึ่งผมได้เคยเขียนถึงหลายต่อหลายครั้ง มาฝากแฟนคอลัมน์นี้ทั้งต่างประเทศและในประเทศ ที่ไม่ได้อ่านหรือฟังเสียงของท่านเจ้าคุณ อธิบายเกี่ยวกับเรื่องข้อขัดแย้งอันเป็นปัญหา ดังนี้
        “….ที่ท่านนายกบอกว่า “นับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน”อันนี้เป็นคำสำคัญเพราะคนก็จะเห็นว่า เออ...ก็จริงของท่านนี่นา...นับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน ก็น่าจะสามัคคีร่วมกันจัดได้ คำพูดต้องเปลี่ยน...        บอกว่านับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน มันไม่พอหรอก เพราะพวกที่นับถือพระพุทธเจ้านี่ เราต้องไปดูว่าเขาปฏิบัติอย่างไร มีหลักการอย่างไรยึดถืออย่างไร?
        ถ้าเกิดมีกลุ่มนักบวชบอกว่า นับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกันกับพระพุทธศาสนา และเป็นกลุ่มนักบวชที่มีครอบครัว แล้วก็อ้างว่า
ก็ พระพุทธเจ้าเหมือนกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้น บอกว่านับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน ก็ต้องสามัคคีกัน นี่คำพูดนี้ต้องพูดใหม่ พูดอย่างที่ว่า จะอ้างว่านับถือพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เท่านั้นไม่พอนะ ต้องดูต่อไปว่ามีหลักการปฏิบัติอะไร? อย่างไร? เพราะเรื่องนี้ละ...ที่ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญหรือเสื่อม หรือเกือบสูญสิ้นได้เลยนี่แหละตัวสำคัญเลย...”

        ท่านได้กล่าวถึง การอ้างรัฐธรรมนูญ ว่า
        “….ทีนี้ อีกอันหนึ่งมักจะอ้าง คือเรื่องเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
        รัฐธรรมนูญเป็นแม่บทของประเทศ บางทีก็เขียนเอาไว้กว้างๆจริงอยู่ เจตนารมณ์ก็มุ่งเสรีภาพ แต่เสรีภาพนั้นต้องมีกฎหมายมาบอกว่าแค่ไหนอย่างไร ไม่ใช่มาบอกแค่รัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐธรรมนูญบอกกล่าวไว้กว้างๆ ก็ยังมีกฎหมายลูกมารับช่วงต่อ อย่างเรื่องศาสนานิกายต่างๆ ก็ไม่ใช่หมายความว่า 
        จะไปอ้างรัฐธรรมนูญว่า ใครนับถืออย่างไร เป็นนิกายอะไรก็ได้ ในเมืองไทยมีกฎหมายว่า นิกายไหนเป็นที่ยอมรับโดยรัฐ แม้ แต่นิกายพระพุทธศาสนาในไทย(ที่เป็นที่ยอมรับ) มีนิกายจีน นิกายญวน ก็จะมีกฎหมายระดับกระทรวงยอมรับ ที่พูดก็เพื่อให้เห็นว่าการที่จะบอกว่าเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นไม่พอ ต้องมีความรู้ความเข้าใจ และจัดการให้ถูกด้วย….”

        สำหรับเรื่องการจัดงาน พระเดชพระคุณท่านได้ให้ความเห็นเอาไว้ คือ
        “…..ถ้า เรายอมรับให้มหาเถรสมาคม เป็นองค์กรปกครองของคณะสงฆ์ ก็คือเป็นรัฐบาลของฝ่ายคณะสงฆ์ รัฐบาลก็ต้องคุมหมด ทีนี้เราจะให้รัฐบาลไทยจัดงานระดับชาติ โดยบอกว่าร่วมกับบริษัทนั้นบริษัทนี้ ก็ไม่เหมาะ
        ความจริงบริษัทอะไรต่ออะไร ควรจะเข้ามาเป็นหน่วยงาน ที่ร่วมสนองงาน ที่รัฐบาลเขาวางแผนจัด ไม่ใช่เข้ามาเป็นองค์กรที่ร่วมจัดกับรัฐบาล นี่ก็เหมือนกัน เขาเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์อยู่ แล้วเอาองค์กรนั้นองค์กรนี้ มาคู่เคียง มองแบบธรรมดาง่ายๆก็คือไม่ให้เกียรติกัน แต่ที่จริงคือ ไม่ถูกต้องตามหลักการ ตามกฎหมาย…”

        ท่านได้กล่าวถึงสันติอโศกเอาไว้ดังนี้
        “…กลับ ไปเรื่องของสันติอโศก ก็เป็นกรณีต่อระบบบริหารการคณะสงฆ์ พระศาสนาและกฎหมายบ้านเมือง และตอนนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้น มีเรื่องวุ่นวาย คือ
        ทางสันติอโศก ท่านก็ไม่ยอมรับการปกครองของคณะสงฆ์ ท่านก็ลาออกจากมหาเถรสมาคมแล้ว
        คำว่า “ลาออก” จากมหาเถรสมาคมแล้ว ก็เป็นสำนวนชนิดหนึ่ง แต่ความหมายที่ซ่อนเบื้องหลัง ก็คือ ไม่ขึ้นต่อการปกครองคณะสงฆ์ ก็กลายเป็นข้อถกเถียง ประชาชนก็ไม่เข้าใจว่า จะลาออกจากมหาเถรสมาคมได้อย่างไร      
        ขอเทียบให้ฟังว่า
        เหมือนรัฐบาลที่ปกครองประเทศ คณะสงฆ์ก็ปกครองคณะสงฆ์ เป็นรัฐบาลฝ่ายบ้านเมือง และรัฐบาลฝ่ายพุทธจักร
        ในเรื่องของรัฐบาล หากมีชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า ฉันลาออกจากรัฐบาลไทยแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านนายกทักษิณจะมาสั่งอะไรฉันไม่ได้ มันได้ไหม? นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อพระอยู่ในประเทศไทยก็อยู่ภายใต้กฎหมายไทย ก็กฎหมายคณะสงฆ์ก็ปกครองทั่วประเทศ…”
        สาธุชนได้สดับแล้ว ก็เห็นพ้องกันว่ามัน ‘ชัดเจน’ และแก้ความสงสัยต่างๆได้ทั้งหมด
        ถ้าไม่มีการ “ตะแบง” ความเห็นกัน!

        นอกจากความเห็น ของพระเดชพระคุณที่เล่ามาแล้ว ผมยังได้เขียน อธิบายเพิ่มเติมอีกด้วยว่า
        ...ารพระ ศาสนานั้น เป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง เมื่อครั้งตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ พระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงแสดงไว้ชัดเจน อย่างที่คนไทยรู้ทั่วกันว่า
        ตั้งใจจะอุปถัมภก             ยอยกพระพุทธศาสนา
        ป้องกันขอบขัณฑเสมา     รักษาประชาชนและมนตรี

        เมื่อพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ บ้านเมืองต้องเผชิญและติดพันงานศึก มีราชการสงครามมิได้ขาดตลอดรัชกาล แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ได้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์และพระราชจักรีวงศ์ ให้รุ่งเรืองไพบูลย์มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะทรงใช้หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ฝึกปรืออบรมราษฎรของพระองค์ ให้มีความรู้ดี มีความประพฤติดี มีความคิดดี มีความสามารถดี และมีคุณธรรม ในนิราศนรินทร์ได้บรรยายเอาไว้ชัดเจน ว่า
        “บุญเพรงพระหากสรรค์         ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
        บังอบายเบิกฟ้า                   ฝึกฟื้นใจเมือง”

        ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ ทรงมีน้ำพระทัยกว้างขวาง ทรงพระเมตตาต่อคนต่างชาติ ต่างเผ่าพันธุ์ และต่างศาสนา ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร รวมทั้งพวกที่อยู่เดิมในพระราชอาณาจักร แผ่นดินนี้จึงอยู่ได้สืบมา เพราะ โลโก ปตถมภิกา เมตตา หรือ เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก และพระเจ้าแผ่นดินแห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ที่ทรงปกครองบ้านเมืองนี้สืบมา ก็ดำเนินตามรอยพระบาทพระปฐมบรมกษัตริย์ มาโดยตลอด      
        ในพระราชประเพณีสิบสองเดือน วันวิสาขบูชานั้น อยู่ใน พระราชพิธีเดือนหก เรียกว่า การวิสาขบูชา....

        งานของพระศาสนานั้น พระเจ้าแผ่นดินทรงมอบให้คณะสงฆ์ช่วยดูแลมาแต่โบราณ ดังนั้น เมื่อทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าพระสงฆ์รูปใด เป็นพระราชาคณะ ในใบประกาศแต่งตั้งสมณศักดิ์ จึงมีข้อความจารึกว่า
        “ขอพระเดชพระคุณจงรับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์ และอนุเคราะห์พระภิกษุ สามเณร โดยสมควรแก่กำลัง และอิสริยยศ ซึ่งพระราชทานนี้…”
        ฝ่ายบ้านเมืองที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารราชการงานแผ่นดินอยู่นั้น มีหน้าที่จะต้องช่วยอุ้มชูพระศาสนา          หากพระศาสนาของพระเจ้าแผ่นดินมีภัย ต้องช่วยกันอย่างเต็มกำลังเพื่อป้องกันภัยพาล ถ้าคนใดที่มาแอบแฝงหาประโยชน์ หรือ มีอลัชชีผีบุญบ้ามาบังเกิด กระทำการให้พระศาสนาเศร้าหมอง ก็ต้องช่วยพระคุณเจ้ากำราบปราบปราม คนเหล่านั้นและกำจัดออกไปจากวงการคณะสงฆ์เสียให้สิ้น
        ที่เขียนมาทั้งหมด เพียงเพื่อเสริมให้ผู้คนในประเทศได้เข้าใจทั่วกัน ต่อไปภายภาคหน้ารัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่และมีโอกาสบริหารประเทศ จะได้ไม่มี ความคิดบวมๆไม่เข้าท่า ดึง เอาคณะสงฆ์ไทยสถาบันสำคัญ และเป็นหลักของบ้านนี้เมือง ซึ่งพระมหากษัตริย์เจ้าทุกพระองค์ ทรงทำนุบำรุงมาโดยตลอด ไปจัดงานร่วมกับลัทธิโพธิรักษ์ เหมือนรัฐบาลนี้กันอีก      
        เพราะ...        ขืนทำอย่างนั้นอีก ก็จะเป็นการ จุดชนวนความขัดแย้ง ขึ้นมาในชาติ บั่นทอนความเชื่อถือทั้งของรัฐบาล และตัวหัวหน้าคณะผู้บริหารให้ตกต่ำลงอย่างที่เห็นๆ โดยไม่จำเป็นเลย ร้ายกว่านั้นก็ คือ      
        การกระทำครั้งนี้ของฝ่ายรัฐบาล ก่อความเป็นปฎิปักษ์ กับผู้คน ให้นายกทักษิณโดยส่วนตัวอีกต่างหาก แม้ตัวท่านอาจกระทำด้วยความหวังดีก็ตาม!

        ท่านผู้อ่าน ที่เคารพ
        ไอ้เถนกาลี “ผีบุญบ้า” นั้น มันสร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองของเรา ไม่ได้หยุดหย่อนเลยจริงๆ
        วิสาขะบูชาปีนี้ มันเอาอีกแล้วครับ…

        คราว นี้ไอ้เถนอัปรีย์บาลีเพี้ยน มันให้จำเลยในคดีก่อการร้าย และผู้ต้องหาในคดีกบฎ ยกทัพสาวกเดียรดีย์ ทำทีมาชุมนุม ประท้วงรัฐบาล แต่...
        วัตถุประสงค์ซ่อนเร้น น่าจะมีซุกไว้อย่างแน่นอน นั่นคือ 
        การอวดศักดาของลัทธิ...สันติกระโปก!

        ชาวไทยทั้งหลาย ที่รักและยึดมั่นใน พระพุทธศาสนาของพระเจ้าแผ่นดิน อย่าได้วางใจ หรือตั้งอยู่ในความประมาท เป็นอันขาด
        พวกเราต้องเฝ้าระแวดระวัง ช่วยกันจับจ้องมองดู แก๊งกาลี ของไอ้พวกเถนอัปรีย์“สันติกระโปก”...
        ...ให้จงดี!!!
..............
ท้ายบท ความเห็นของแฟน ที่โพสต์ท้ายคอลัมน์สัปดาห์ก่อน
ต้องถอนประกัน ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กบฏ-ผู้ก่อการร้าย!!!
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=429
มีดังต่อไปนี้ครับ

ความคิดเห็นที่ 1   
ซัดมันเลย เอาไว้ทำไมกัน
โดยคุณ ตาต่อตา  180.180.171.XXX 

ความคิดเห็นที่ 2   
ลอง ค้นหาเล่นๆตามที่ท่านวาทฯชี้ชวน คำว่า พรรคจังไร ค้นพบ 542,000 รายการ ส่วนคำว่า พรรคอัปรีย์ ค้นพบ 523,000 รายการ จำนวนไม่ได้หนีกันในทางสถิติสักเท่าไร นั่นย่อมแสดง ถึงความอัปรีย์ศรีจังไร จริงๆ ถ้ายังไม่เชื่อ ขอเสนอให้ใช้คำค้นใหม่ ว่า พรรคระยำ ครับเพราะผลที่ได้ก็เกือบ 2แสนรายการ รวมๆกันแล้วกว่าล้านรายการ ไม่รู้ว่าหมายถึงพรรคการเมืองไหนจริงๆครับ
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันถูกใจ  125.24.78.XXX 

ความคิดเห็นที่ 3   
หา คำอธิบายไม่ได้เลยว่า ทำไมพวกที่ออกมาพร่ำบ่นว่าพวกอื่นคิดทำลายสถาบันทั้งที่ไม่มีพฤติการ แต่การกระทำของพวกมันหลายกลุ่มหลายเหล่าชี้ชัดว่าเป็นตัวทำลายที่แท้จริง แถมยังแสดงอาการไม่แยแสต่อสถาบันให้เห็นเป็นระยะ ๆ สังคมไทยกลับไม่ค่อยไหวติง ดูเหมือนชอบจะนิ่งเงียบเสียด้วยซ้ำ งานพระราชพิธีก็ไม่มีเว้น แถมแถไปต่าง ๆ นา ๆ น่าสมเพชยิ่งนัก ไม่เข้าใจจริง ๆ คลังสมองของพรรคร่วมรัฐบาลขอให้ช่วยกันคิดจัดการกับพวกเสี้ยนหนามเหล่านี้ ให้หมดไปโดยเร็วด้วยเถิด ทำตามคำแนะนำของท่านวาทฯ ดูที อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด จะได้รู้ทิศทางกันเสียที
โดยคุณ ไม่เข้าใจ  171.96.50.XXX     

ความคิดเห็นที่ 4    ไอ่ไชยวัฒน์ เนี่ย มันเป็น ปชป.อยู่แล้ว ทุกเรื่อง ปชป.อยู่เบื้องหลังใช่มั้ยครับคุณพ่อ ( ผมเรียนถามครูป๋อมที่วิทยาลัยตำรวจ ท่านบอกว่าวาทะตะวันเป็นพี่ชายท่าน แต่ให้เดาๆ ตามประสาตำรวจผมว่า แหะ แหะ..ฝาแฝดชัดๆ ครับคุณพ่อ
โดยคุณ tongdang  182.53.162.XXX 

ความคิดเห็นที่ 5   
สงสาร นายกปู จะไปได้อีกสักกี่นำก็ไม่ร้ ศาลรัฐธรรมนวยแกล้งรับคดีม๊ากหนีทะหานและถูกปลดออกจากราชการ กับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ในปัจจุบันนั้นก็เพื่อให้ความร้อนแรงที่ผู้คนมองเบาบางลงแค่นั้นแหละ เอ๋แต่ผมก็เอะใจว่าพวกตุลากวยจะออกคดี ม๊ากอย่างไรหนอสังหรณ์ใจแปลก ๆและถ้าออกว่า บิ๊กโอ๋ รมว.กลาโหมออกคำสั่งมิชอบทำให้ลูกม๊ากคนดีของป๋าต้องลำบากใจ แล้วตัดสินให้คำสั่งของกลาโหมไม่ชอบจึงให้ลงโทษปลด รมว.กลาโหมแทนละจะเป็นอย่างไรละครับอาจารย์วาท ฯ น่าคิดนะครับ เพราะสำหรับตุลากวยกลุ่มนี้อะไรก็เกิดได้ทั้งนั้น เป็นห่วงบิ๊กโอ๋ ผู้เถรตรงจริง ๆท่านน่าจะหนักกว่าศึกของนายกปูที่เจออีก น่าสงสารจัง แต่ที่น่าตัดสินใจทำมากที่สุดตอนนี้คือ ถอนประกันไอ้ ด๊อกฯชัยวัตร สินสุวงษ์ในคดี่ต่าง ๆ และแจ้งข้อหากบถภายในราชอาณาจักร ในวันพรุ่งนี้ก่อนเลยน่าจะดีที่สุด
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันsuaksai  101.51.233.XXX 

ความคิดเห็นที่ 6    อยาก คุยเรื่อง bts ครับ bts ได้รับสัมปทานจาก กทม. สมัยเถรจำลองเป็นผู้ว่า กทม.ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีครับที่เราได้มีระบบขนส่งมวลชนแบบรางขึ้นแม้ในขณะ เริ่มโครงการจะโดนต่อต้านอย่างหนักจากคุณหญิงตาวิเศษ จากโรงเรียนมาแดร์ รวมทั้งคุณสร้าง ณ โจ ด่านช้าง ก็ตาม สัมปทานที่ได้ก็มี หมอชิต-อ่อนนุช-สนามกีฬา-บางรัก ก็เท่านั้น จะให้ต่อไปมากว่านี้ bts ก็บอกว่าบ่จี๊ไม่มีตังที่จะขยายระบบ ต่อมาเมื่อพรรคอัปรีย์ได้ดูแล กทม. ก็มีการก่อสร้างเส้นทางเพิ่มเติม ขยายข้ามแม่น้ำไปถึงสถานีตลาดพลู ไปถึงแบริ่ง ในขณะเดืยวกันรัฐบาลก็กำลังสร้างต่อจากแบริ่งทะลุปากน้ำออกไป ซึ่งเส้นทางที่ท้ัง กทม.และรัฐบาลสร้างเพิ่มเติมล้วนเป็นส่วนที่ไม่ได้กำไรด้านธุรกิจเท่าไหร่ เป็นการบริการประชาชนซะมากกว่า ตกลงเส้นทางรถไฟฟ้าลอยฟ้าของเราเลยมี 3 เจ้าของครับคือ bts อยู่ตรงกลาง , กทม.ปิอหัว-ท้ายอยู่ในเขต กทม และนอกเขตกทมเป็นของรัฐบาล หากมองแค่นี้ก็จะเห็นว่า bts เป้นกิจการที่ห่วยแตกไม่สามารถขยายธุรกิจออกไปได้อีกแล้วโดยปิดหมด แต่ในความเป็นจริง ขณะนี้กทมเป็นผู้ลงทุนขยายเส้นทางเพื่อเอาคนจากรอบนอกมาป้อนให้ bts ครับ ลองนั่ง bts จากหมอชิตไปแบริ่งดูซิครับ จะเห็ความแตกต่างของจำนวนผู้โดยสารอย่างชัดเจน ส่วนของ bts ก็อ้วนขึ้นจากรถขบวนละ 3 ตู้เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น 4 ตู้ แลัวโดยไม่ต้องลงทุนทำรางที่ระยำที่สุดก็คือมันเพิ่งขึ้นค่าโดยสาร ในส่วนสัมปทานของมัน แต่ไอ้หม่อมเอ๋อ  กลับลดค่าโดยสารในส่วนของ กทม. เหมือน กทม. เอาตังค์ไปยัดใส่มือ bts ยังไงยังงั้นเลยหละ
โดยคุณ chuang  58.8.212.XXX 

ความคิดเห็นที่ 7    love vattavan.com re. switzerland
โดยคุณ pla hotmail .ch  178.83.161.XXX  

ความคิดเห็นที่ 8   
ไม่นานเราคงได้เห็นกองกำลังต่างชาติเข้ามาปราบกบฏในไทย สงสัยเที่ยวนี้เจ้าหัวหงอกคงอยู่ยากนะครับ
โดยคุณ narongsubsangar  180.180.238.XXX 

ความคิดเห็นที่ 9    ไหน หล่ะ พวกคนดี พวกโหนเจ้า ไม่เห็นมีปากมีเสียงกันมั่ง หลักฐานเห็นอยู่คาตา ที่เรื่องผังล้มเจ้าเสือกเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ กี่คราวแล้วที่พวกม๊อบอัปรีย์ทำเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างแท้จริง ตั้งแต่ฐานพระรูปเสด็จพ่อ ร.5 ,
ปิดทางเสด็จถนนราชดำเนิน ล่าสุดก็ ขัดขวางโบราณราชพิธี ทำลายขวัญกำลังเกษตรกรไทยทั้งชาติอีก ไม่เหี้ยจริง ไม่คิดได้ ทำได้หรอกครับ
โดยคุณ MaxX  27.145.155.XXX

ความคิดเห็นที่ 10   
เรื่อง การถอนประกันนั้น ฝ่ายที่เชียร์เผด็จการโดยเฉพาะ สส .ฝ่ายแค้น เห็นออกมายื่นเรื่องให้ศาลถอนประกันพวกเสื้อแดงหลายคน และศาลก็รับเรื่อง ถอนประกัน ต้องติดคุก แล้วเหตุไฉนทางฟากฝั่งประชาธิปไตย ไม่เห็นมีใครไปยื่นเรื่องให้อัยการหรือศาล ถอนประกันนายไชยวัฒน์บ้าง ประชาชนทั่วไปมีสิทธิที่จะไปยื่นเรื่องได้หรือไม่ครับ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า นายคนนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายโทษประหารชีวิตซึ่งศาลรับฟ้องไว้ แล้วและได้ประกันตัวออกมา แต่ขณะนี้มีพฤติการณ์ที่ชักนำกลุ่มคนให้ก่อความไม่สงบสุขแก่สังคมและกีดขวาง การจัดพระราชพิธีเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เหมือนที่พวกมันขัดขวางขบวนเสด็จที่สะพานมัฆวาน เมื่อครั้งก่อนๆโดยไม่ต้องมีความผิดไม่ต้องถูกลงโทษจนเกิดความยะโสโอหัง หากปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยไป จะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆดำเนินตามจนบ้านเมืองเกิดกลียุคได้ เห็นควรให้ศาลถอนประกันโดยด่วน
โดยคุณ รินทร์  58.8.182.XXX   

        (***คอลัมน์ ประจำสัปดาห์ ต้องจับจ้อง มองแก๊งกาลี ของเถนอัปรีย์ “สันติกระโปก”!!! ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 25 พฤษภาคม 2556)

1 ความคิดเห็น: