แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

Robert Amsterdam: องค์กรรัฐสภาสากลออกคำสั่งประวัติศาสตร์กรณีประเทศไทย

ที่มา Thai E-News

 ที่มา เว็บโรเบิรต์ อัมสเตอร์ดัม
3 เมษายน 2556



หลังจากเป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกว่า 90 รายถูกสังหารโดยกองกำลังของรัฐบาลบนท้องถนนในกรุงเทพฯ กลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากองค์การพหุภาคีที่สำคัญ ซึ่งได้ฉายแสงให้เห็นถึงความอยุติธรรมอันแผ่ซ่านในระบบการเมืองไทย

หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดในประเทศเอกัวดอร์ องค์กรรัฐสภาสากล (ไอพียู) -ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสถานะเป็นผู้สังเกตการณ์ถาวรในยูเอ็น และได้รับการยอมรับจากยูเอ็นว่าเป็นองค์กรชั้นนำในด้านรัฐสภา ได้ออกมติแห่งประวัติศาสตร์ประณามการตัดสิทธิ์อันมิชอบด้วยกฎหมายของสมาชิก รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์

เมื่อแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญในรัฐสภา นายจตุพรถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นสส.โดยคำสั่งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญซึ่ง แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม ปี 2555 อันเนื่องมาจากการเข้าร่วมการชุมนุมในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 25553 ของเขา ซึ่งหลังจากนั้นได้นำไปสู่การคุมขังและทำให้นายจตุพรไม่สามารถไปใช้สิทธิลง คะแนนเสียงเลือกตั้งได้

มติของไอพียูคงไว้ซึ่งหลักการที่ว่า การที่นายจตุพรถูกตัดสิทธิ์ถือ “เป็นการละเมิดพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่อสิทธิมนุษยชนโดยตรง” ในขณะเดียวก็ย้ำถึงความกังวลเรื่องการจับกุมนายจตุพรทซึ่งเกิดขึ้นภายใต้การ ใช้อำนาจฉุกเฉินอันมิชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลที่แล้ว รวมถึงข้อหาก่อการร้ายซึ่งมีเหตุจูงใจจากเรื่องทางการเมือง

ตามมติ TH/183 ของไอพียู ซึ่งยื่นในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556 ที่นั่งในรัฐสภาของนายจตุพรถูกเพิกถอนในเวลาที่ “มิได้มีการพิสูจน์ว่าเขากระทความผิดใด” และรายละเอียดคำปราศรัยปรากฎว่า “เป็นการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก” มติยังระบุว่าการกระทำซึ่งยับยั้งมิให้บุคคลผู้ถูกกล่าวหาทางอาญาจากสิทธิ การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งถือ “เป็นข้อจำกัดอันมิสมเหตุสมผล” โดยเฉพาะตามบทบัญญัติของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการ เมืองซึ่งรับรองสิทธิของบุคคลผู้ถูกกล่าวหาทางอาญาในการให้ถูกสันนิษฐานว่า เป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์เป็นอย่างอื่น

ไอพียูกล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับหลักสำคัญทางกฎหมายและเหตุผลเบื้องหลังการ ถอนประกันและคุมขังนายจตุพร โดยร้องขอสำเนารายละเอียดข้อหาของนายจตุพร ในขณะเดียวกันก็ร้องขอให้สำนักงานเลขาธิการใหญ่ “เดินทางไปเยือนประเทศไทยเพื่อหยิบยกประเด็นดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่รัฐสภา รัฐบาลและตุลาการผู้มีประสิทธิภาพ รวมถึงมองหาถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว”

ท่านใดที่สนในสามารถดาวน์โหลดมติของไอพียูได้ที่นี่

ข้างล่างคือคำแปลภาษาไทยบางส่วนของคำสั่งไอพียู

โปรดระลึกว่านายจตุพรถูกตัดสินลงโทษในวันที่ 10 กรกฎาคม และ 27 กันยายน พ.ศ. 2555 ในคดีอาญาสองกระทง โดยถูกตัดสินจำคุก 6 เดือน (รอลงอาญา 2 ปี) และปรับ 50,000 บาท ตามลำดับในข้อหาหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนี้ทั้งสองคดีอยู่ในระหว่างการอุทรณ์; โปรดระลึกว่าผู้ตรวจการพิเศษองค์การสหประชาชาติส่งเสริมและปกป้องสิทธิใน เสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก ซึ่งเน้นย้ำในรายงาน (A/HRC/17/27 ของวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554) โดยเรียกร้องให้ทุกประเทศยกเลิกโทษทางอาญาในคดีหมิ่นประมาท

โปรดระลึกว่าประเทศไทยลงนามในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ สิทธิการเมือง ดังนั้นจึงมีพันธกรณีที่จะต้องคุ้มครองสิทธิที่รับรองไว้ในกติกาดังกล่าว

เมื่อพิจารณาว่า ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเริ่มอภิปรายเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญซึ่งคาดว่าจะ กระทบต่อรายละเอียดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองและการยุบพรรค; โปรดระลึกว่า ที่มาของความหวาดกลัวว่าการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของนายจตุพรอาจถูกพรรคการ เมืองฝ่ายตรงข้ามใช้โต้เถียงว่าพรรคผู้นำรัฐบาลเพื่อไทย “ส่งนายจุตพรลงสมัครเลือกตั้งในสส.ระบบบัญชีรายชื่อโดยมิชอบ”จึงเป็นเหตุให้ การเลือกตั้งเป็นไปในลักษณะที่ “ไม่ซื่อสัตย์และยุติธรรม” ดังนั้นพรรคการเมืองที่เขาสังกัดควรถูกยุบ

1.ไอพียูขอขอบคุณสำนักงานเลขาธิการใหญ่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสำหรับจดหมายและความร่วมมือ

2.ไอพียูยืนยันว่าจดหมายดังกล่าวมิได้ทำให้ไอพียูคลายความกังวลใจกรณีที่นาย จตุพรถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุผลซึ่งขัดต่อพัธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อมาตราฐาน สิทธิมนุษยชนสากลโดยตรง

3.เมื่อพิจารณาว่า แม้ว่ารัฐธรรมนูญไทยจะบัญญัติไว้โดยเฉพาะถึงเรื่องการตัดสิทธิ์ทางการเมือง ของบุคคลที่ “ถูกคุมขังโดยคำสั่งทางกฎหมาย” ในวันเลือกตั้ง โดยยับยั้งมิให้บุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญาใช้สิทธิลงคะแนนเสียง เลือกตั้ง ซึ่งขัดกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง ในมาตรา 25 ที่รับรองสิทธิในการ “เข้าร่วมทำกิจกรรมสาธารณะ” รวมถึงการ “ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและลงสมัครรับเลือกตั้ง” โดยปราศจากการ “ข้อจำกัดอันไม่สมเหตุสมผล”

4.เมื่อพิจารณาในแง่ดังกล่าว การปฎิเสธมิให้สส.ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากเรือนจำเพื่อไปใช้สิทธิลง คะแนนเสียงเลือกตั้งตั้งจึงเป็น “ข้อจำกัดอันไม่สมเหตุสมผล” โดยเฉพาะในบทบัญญัติของกติกาที่รับรองว่าบุคคลซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทาง อาญาให้ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ (มาตรา 14) และ ให้ได้รับ “การปฎิบัติที่แตกต่างจากบุคคลผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดแล้ว” (มาตรา 10 (2)(a) ); ไอพียูระบุว่าการตัดสิทธิ์ของนายจุตพรยังปรากฎว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไทยมาตรา 102(4) ซึ่งบัญญัติว่าผู้ที่ถูกตัดสินว่าว่ากระทำความผิดทางอาญาเท่านั้น ที่จะสูญเสียสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่รวมผู้ถูกกล่าวหาทางอาญา

5.ซึ่งไม่ต่างจากกรณีที่ความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของนายจตุพรถูกเพิกถอนใน เวลาที่ยังมิได้มีการระบุว่าเขากระทำความผิดใด และในกรณีของคำปราศรัยอันปรากฎว่าเป็นการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ได้ย้ำเตือนถึงความกังวลว่า ศาลสามารถตัดสินกรณีพิพาทเกี่ยวกับความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซึ่งเป็น เรื่องส่วนบุคคลระหว่างนายจตุพรและพรรคการเมืองนั้นโดยอันที่จริงก็มิได้มี ข้อพิพาทใดระหว่างนายจตุพรและพรรคการเมืองนั้นเลย

6.จากข้อเท็จจริงข้างบน ไอพียูจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าหน้าที่รัฐไทยจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อพิจารณาการตัดสิทธิของนาย จตุพรอีกครั้งและรับรองว่าบทบัญญัติกฎหมายในปัจจุบันจะมีความสอดคล้องกับ มาตราฐานสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง ทางไอพียูประสงค์ที่จะได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของกระบวนการแก้ไข รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้

7.ทางไอพียูยังคงกังวลเกี่ยวกับข้อกล่าวหาทางกฎหมายและข้อเท็จจริงซึ่งอ้าง อิงอันเกี่ยวกับข้อหาของนายจตุพร และความเป็นไปได้ที่ศาลอาจสั่งถอนประกันนายจตุพร; ดังนั้นไอพียูจึงประสงค์ที่จะขอสำเนาซึ่งเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และพิจารณาว่า ในกรณีนี้อาจเป็นเป็นประโยชน์ที่จะส่งผู้สังเกตการณ์เพื่อเข้าร่วมการ พิจารณาคดีในศาล และร้องขอให้เลขานุการใหญ่จัดการการนัดหมายที่จำเป็น

8.ความกังวลของไอพียูต่อกรณีที่นายจตุพรถูกสั่งฟ้อง ตัดสินและลงโทษในความผิดหมิ่นประมาท; ในกรณีนี้ ความเห็นของผู้ตรวจการพิเศษขององค์การสหประชาชาติระบุว่า ความผิดหมิ่นประมาทมิควรที่จะเป็ความผิดทางอาญา ดังนั้น ไอพียูจึงประสงค์ที่จะเห็นเจ้าหน้าที่รัฐไทยพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง และประสงค์ที่จะได้รับสำเนาเกี่ยวกับการพิจารณาดังกล่าว รวมถึงได้รับแจ้งถึงขั้นตอนการอุทรณ์ในคดีดังกล่าว

9.ทางไอพียูพิจารณาว่า คดีในปัจจุบันมีการแตกกิ่งการสาขานอกเหนือจากกรณีของนายจตุพร และยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางรัฐธรรมนูญและระบบระหว่างสภาผู้แทนราษฎร และศาล; ทางไอพียูจึงร้องขอให้เลขาธิการใหญ่เดินทางไปเยือนประเทศไทยเพื่อหยิบยก ประเด็นดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่รัฐสภา รัฐบาลและตุลาการที่ทรงประสิทธิภาพ รวมถึงค้นหาถึงความเป็นไปได้ว่าทางไอพียูจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างใน กรณีดังกล่าว

10.ทางไอพียูร้องขอให้เลขาธิการใหญ่ส่งมตินี้ไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่ทรงประสิทธิภาพและผู้ให้ข้อมูล

11.ทางไอพียูร้องขอให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบคดีนี้อย่างต่อเนื่อง และรายงานให้ทางไอพียูทราบต่อไปในระบะเวลาที่เหมาะสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น