แถลงการณ์สวนโมกข์ ๕๐ ปี


บทสวด ปฏิจจสมุปบาท MP3 24 จบ ฟังยาวได้เลย 2 ชั่วโมง 49 นาที



พุทธวจนคืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

(คำต่อคำ)"ยิ่งลักษณ์" แจงสภากู้2ล้านล.เพื่อประโยชน์ปชช.

ที่มา ข่าวเพื่อไทย

 


(คำต่อคำ)  นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
               ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงความจำเป็นในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ
               พ.ศ. ...
            เรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ดิฉันนางสาวยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ท่านรองนายกรัฐมนตรีกิตติรัตน์  ได้นำเสนอหลักการและเหตุผล ตลอดจนรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไปแล้วนั้น  ดิฉันใคร่ขอเวลาของสภา เวลาอันมีค่าของสภาในการที่จะได้อธิบายถึงความตั้งใจของทางรัฐบาล ที่จะพัฒนาประเทศให้ความเจริญก้าวหน้า แล้วก็รวมถึงการพัฒนาให้ลูกหลานของเรานั้นมีอนาคตที่สดใส ภายใต้โครงการการลงทุนเพื่ออนาคตไทย 2020 ในวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท
            กราบเรียนท่านสมาชิกที่เคารพค่ะ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องเสนอการลงทุนขนาดใหญ่ของโครงการพื้นฐานซึ่งเป็นไปตามแถลงนโยบาย ซึ่งดิฉันได้มีการแถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 นี้ และเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ค่ะ ก่อนอื่นดิฉันขออนุญาต เริ่มด้วยการเล่าถึงปัจจัยทางการเมืองภายหลังเกิดการปฎิวัติรัฐประหารขึ้นในปี 2549 ว่า หลังจากปัจจัยทางการเมืองที่มีปัญหา ก่อให้เกิดความขัดแย้งนั้น ประเทศไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ก็ส่งผลทำให้หลายประเทศนั้นเราไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ สิ่งที่ส่งผลกระทบก็คือเศรษฐกิจที่ถดถอยลง เมื่อเราเทียบขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศนั้น เราก็จะเห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เกือบหนึ่งทศวรรษ การลงทุนต่างๆ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศนั้นไม่ได้ถูกลงทุน ไม่ได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญต้นทุนในการขนส่งของประเทศนั้นสูงถึง 15% ทำให้ขีดความสามารถของเราในการที่จะแข่งขันกับนานาประเทศนั้นมีต้นทุนที่สูงขึ้นภาระในการขนส่งทั้งหมด ก็จะเน้นหนักในการใช้การขนส่งทางถนนส่วนใหญ่ ก็มีผลทำให้ปัญหาความแออัด การจราจร ส่งผลถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบนท้องถนนด้วย ถ้าเราไปดูในเรื่องของขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การจัดลำดับของ WEFในปี 2555 – 2556 นั้น ขีดความสามารถของประเทศไทย ในด้านโครงสร้างพื้นฐานนั้นลดลงจากอันดับที่ 42 มาเป็นอันดับที่ 49 ซึ่งถือว่า ล้าหลังกว่าประเทศสิงค์โปร และมาเลเซียด้วยซ้ำ
            ด้วยแนวคิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้  อย่างแรกต้องเป็นการลงทุนที่ตอบโจทก์วางยุทธศาสตร์อนาคตของประเทศในระยะยาว และจะทำให้แผนการลงทุนต่างๆ นั้นมีแผนการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงแนวคิดในการลงทุนนี้ต้องเป็นการมองระบบของการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง ทางน้ำ ทางอากาศ ให้มีความสัมพันธ์กันและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยแนวคิดในการลงทุนนี้ ดิฉันขออนุญาตนำเรียนเสนอในแนวคิดเป็นแต่ละเรื่องดังนี้นะค่ะ
            1. เรื่องแรก แนวคิดในการลงทุนเพื่อตอบโจทก์ Connectivity หรือการเชื่อมโยง AECเพื่อให้ประเทศไทยของเรานั้น ได้เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยง ศูนย์กลางลงทุนสู่ภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งถือว่าหากมีการเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างพื้นฐาน เราจะเชื่อมโยงฐานเศรษฐกิจเดิม บวกกับการต่อยอดฐานเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเป็นจากฐานประชากรทั้งหมดของประชาคมอาเซียน 600 ล้านคน นั้นหมายถึงการที่เราจะได้มีการสร้างเสริมรายได้ใหม่ๆ และองค์ความรู้ รวมถึงประชากรที่จะเข้ามาร่วมทำค้าขาย และก็ลงทุนกับประเทศไทยมากขึ้น โดยมีการเน้นการพัฒนาระบบรางเป็น 2 ส่วนด้วยกันค่ะ
            ส่วนแรกคือระบบ รถไฟรางคู่ ซึ่งรถไฟรางคู่นี้จะเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านในระยะแรก และสามารถที่จะลดต้นทุนขนส่งในสินค้าประเภทหลัก  
            ส่วนที่ 2 คือ รถไฟความเร็วสูง รถไฟความเร็วสูงนี้ เราก็จะเน้นในเรื่องของการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง สินค้าที่เน่าเสียง่าย ที่ต้องใช้ระยะเวลารวดเร็วในการขนส่ง รวมถึงการเดินทางของพี่น้องประชาชนที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น การพัฒนาการเข้าออกของประเทศ แน่นอนจุด Connectivity ก็ต้องมีการพัฒนาด่านเข้าออกของประเทศที่ให้มีความมั่นคง ปลอดภัย ทันสมัย และรองรับการเติบโตเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ซึ่งวันนี้จำนวนอัตราการเติบโตเศรษฐกิจแนวชายแดนนั้นสูงขึ้น เราก็อยากเห็นการพัฒนาเศรษฐกิจแนวชายแดนนั้นเป็นการค้าที่มีความสมบูรณ์และ ให้เกิดความร่วมมืออย่างไร้พรมแดนของประชาคมอาเซียนในอนาคตที่เกิดขึ้นจริง
            2. การคำนึงถึงแนวคิดนี้ ได้มองถึงการกระจายความเจริญและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนคนไทย ด้วยการมองการยกระดับชีวิตของประชาชนที่เพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้กับพี่ น้องประชาชน นอกเหนือจากการเดินทางในท้องถนน ก็จะมีทางเลือกอื่นไม่ว่าจะเป็นทางเรือ หรือทางรถไฟ ซึ่งตรงนี้ก็จะทำให้พี่น้องประชาชน สะดวกขึ้น เข้าถึงสถานที่ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง และมีส่วนในเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายและลดระยะเวลาในการเดินทางพร้อมกับความ ปลอดภัยในการเดินทางด้วยเช่นกัน การกระจายความเจริญ ซึ่งวันนี้เราเน้นอยากจะเห็นการกระจายความเจริญ ซึ่งกระจายจากหัวเมืองไปยังชานเมือง โดยเฉพาะในส่วนของภูมิภาค นั้นก็หมายถึงว่าการที่จะทำให้การลดความแออัดของเมืองกรุง และสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ ในระดับภูมิภาคขึ้น และเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคกับภูมิภาค จะเป็นการทำให้คนในเมืองกรุงนั้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นลดการแออัด แต่ขณะเดียวกันเราจะมีส่วนในการเติมเต็มความเจริญให้กับพี่น้องประชาชนใน ชนบทเช่นกัน เมื่อมีการเติมเต็มในส่วนนี้  แก้ปัญหาการเจริญ จากความเจริญจากหัวเมืองกระจายเพิ่มในส่วนของชานเมืองนั้นก็จะเป็นไปตาม ยุทธศาสตร์ของประเทศว่าด้วยการลดความเหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ของ ประชากรอย่างเสมอภาค
            ส่วนที่ 3 ก็คือ แนวคิดในการสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจของประเทศสู่ความยั่งยืน การสร้างความแข็งแรงก็มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมห่วงโซ่การผลิตเข้าด้วย กัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการส่งออก ซึ่งจะเห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเรามีอุตสาหกรรมต้นน้ำ มีแหล่งเศรษฐกิจที่เราจะต้องพัฒนาเพิ่มขึ้น ยังไม่ถูกเชื่อมโยงไปสู่แหล่งส่งออกแน่นอน ต้นทุนค่าใช้จ่ายของพี่น้องเกษตรกรก็จะใช้เวลานานและใช้ต้นทุนที่สูงขึ้น หากเรามีการเชื่อมโยงตั้งแต่ส่วนของห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ นั้นหมายถึงเราเชื่อมโยงตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ สินค้าต่างๆ ไปยังส่วนกลางน้ำก็คืออุตสาหกรรมการผลิตหรือการแปรรูปและไปยังปลายน้ำ ก็คือ ศูนย์กลางกระจายสินค้า และการส่งออกอย่างเชื่อมต่อกันนั้นก็จะทำให้ระยะเวลาต่างๆ นั้นรวดเร็วขึ้นลดต้นทุนในการขนส่ง โดยรวม และที่สำคัญ ถ้าเป็นอาหาร อาหารก็จะสูงขึ้นลดการสูญเสีย ซึ่งวันนี้พี่น้องเกษตรใช้เวลาการขนส่งสินค้าที่ต้นน้ำ ไปยังปลายน้ำนั้น ก็จะมีการสูญเสียมาก ถ้าลดในส่วนนี้ก็จะเท่ากับลดต้นทุนของพี่น้องเกษตรชาวไทย และความรวดเร็ว อาหารก็จะสดขึ้นผู้บริโภคก็จะได้รับอาหารที่ดีขึ้น และราคายุติธรรม รวมถึงการลดต้นทุนในการขนส่งในภาคอุตสาหกรรมโดยรวมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการ เกษตร 
            ส่วนที่ 4 ก็คือ หลักแนวคิดในการเชื่อมเมืองสู่การท่องเที่ยว ประเทศไทยได้ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนานาประเทศ จากที่ผ่านมานั้นการเชื่อมโยงแหล่งท่องเทียวกรุงเทพมหานคร ไปยังจุดท่องเที่ยวเมืองใหญ่ แต่เรายังไม่ได้เชื่อมโยงจุดท่องเที่ยวเมืองใหญ่นั้นไปยังจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งวันนี้จะพบว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรมอีกมากมาย ที่ไม่สามารถจะถึงดูดนักท่องเที่ยวได้ เนื่องจากการพัฒนาการคมนาคมขนส่งโดยหลักการนี้เราจะเชื่อมเมืองต่อเมืองของ การท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน  นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น และไปยังเมืองอื่นๆ ใกล้เคียงจะทำให้รายได้ชุมชนบริเวณนั้น มีรายได้มากขึ้น และที่สำคัญนักท่องเทียวจะอยู่กับเรานานขึ้น และรายได้โดยรวมของประเทศจากการท่องเที่ยวและการบริการสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างๆ ก็จะสูงขึ้นไปด้วย
            จากแนวคิดทั้ง 4 ข้อนี้ ก็จะส่งผลในภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงของการลงทุนช่วง 7 ปี ข้างหน้านั้น ก็คาดว่าปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมแต่ละปีจะมีมูลค่าของ GDP เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1 % และอัตราการว่าจ้างงานอีก 500,000 อัตรา ซึ่งจะส่งผลทำให้การสร้างความแข็งแรงและการหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศรวมถึงการลงทุนนั้นมีอนาคตต่อไป
           ท่านประธานสภาที่เคารพ มีหลายท่านที่มีข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลจึงต้องกู้เงินผ่านการออกพระราช บัญญัติแทนที่จะดำเนินการผ่านกระบวนการงบประมาณรายจ่ายประจำปี ดิฉันขอถือโอกาสนี้ในการอธิบายดังนี้ จากบทเรียนที่ผ่านมาจะเห็นว่าจากบทเรียนที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีโครงการใหญ่ๆ หลายๆ โครงการที่ถูกระงับหรือถูกยกเลิกเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากปัญหาการผันผวนทางการเมืองปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และขาดการลงทุนที่ต่อเนื่อง ซึ่งระบบงบประมาณรายจ่ายประจำปี นั้นไม่อาจเอื้อต่อการลงทุนที่เป็นโครงการใหญ่ระยะยาวซึ่งต่อเนื่อง ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราเห็นการลงทุนที่ต่อเนื่อง ต่างชาติหรือต่างประเทศที่มาลงทุนนั้นก็จะเห็นความเชื่อมั่น ต่างประเทศก็สามารถจะวางแผนอนาคตในการพัฒนาต่างๆได้ เราจะเห็นว่าหลายๆ ตัวอย่างที่เห็นแล้วในอดีต ตัวอย่างการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งวันนั้นไม่มีใครทราบว่าปีที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น ประวัติการสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีแผนพัฒนาต้องเร่งที่จะพัฒนาเร็วกว่ากำหนดนั้นคือเรากำลังขาด การเมืองไปข้างหน้าเรากำลังพัฒนาประเทศไล่หลังความเจริญค่ะ ดิฉันมองว่าโครงการต่างๆ เหล่านี้นอกเหนือจากนี้เป็นโครงการที่เรียนว่าการลงทุนพื้นฐานนี้ เป็นโครงการของประชาชนโดยแท้จริง เป็นโครงการที่สร้างอนาคตให้กับลูกหลานเรา เป็นโครงการที่เราไม่ควรจะถูกแปรเปลี่ยนตามสภาวะการเมืองที่ผกผัน โดยเฉพาะช่วงนี้มีความจำเป็นที่จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นั้น มีการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความมั่นใจ เพื่อเรียกการลงทุน และสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนค่ะ สำหรับการลงทุนภายใต้วงเงิน 2.2 ล้านล้านนั้น นอกจากนี้ยังมีการเสริมด้วยงบประมาณประจำปี และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง และเรายังมีโครงการในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาลงทุนด้วย ทั้งนี้ก็จะทำให้งบประมาณประจำปีนั้นสามารถที่จะนำไปดูแลช่วยเหลือประชาชน ด้านสวัสดิการหรือโครงการในการเสริมศักยภาพของพี่น้องประชาชนและพัฒนา เศรษฐกิจโดยรวม
            สำหรับการกู้นั้น ทางรัฐบาลมั่นใจว่าเรามีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เราจะเน้นการกู้ระยะยาวเพื่อการลงทุนระยะยาวเช่นกัน นอกจากนี้ตลาดตราสารหนี้ของไทยก็มีสภาพคล่องที่สูงมาก เพราะงั้นการกู้เงินของรัฐบาลที่ทยอยกู้เงินใน 7 ปีข้างหน้าก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดทางการเงินสำหรับเรื่องความยั่งยืนของการคลัง ช่วงแรกการลงทุนหนี้สาธารณะต่อ GDP นั้น อาจจะปรับตัวสูงขึ้น แต่โครงการเหล่านี้ต้องกราบเรียนท่านสมาชิกที่เคารพว่า โครงการเหล่านี้ก็จะสร้างรายได้อย่างครบวงจรก็จะทำให้GDP เพิ่มขึ้น จาก GDP ที่เพิ่มขึ้นนั้นก็จะมีผลให้หนี้สาธารณะต่อGDP ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน ตลอดเวลาของโครงการนี้หนี้ของประเทศก็จะอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ นั้นคือต่ำกว่า 50 % ของ GDP ซึ่งเรายังมีช่องว่างอีก 10 % ต่อ GDP เพื่อเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลัง ซึ่งยังมีการกำหนดให้หนี้สาธารณะต่อ GDP สูงไม่เกินร้อยละ 60 ถ้าเรารักษาให้อยู่ในระดับ 50 เราก็จะมีช่องว่าอีก 10 % ต่อ GDPภายใต้กรอบความยั่งยืนของกระทรวงการคลังและเป็นการบริหารความเสี่ยง ที่มีการกำหนดช่องว่างอย่างน้อย 10 % ต่อ GDP เพื่อรองรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดในอนาคตได้ แต่ที่สำคัญจากเหตุการณ์ในอดีตที่เห็นเมื่อมีการลงทุนพัฒนาแล้วโครงการต่างๆ สร้างวงจรเศรษฐกิจที่เจริญเติมโตขึ้น หากท่านสมาชิกจำได้ว่าในหลายปีที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องภาวะหนี้ไม่มีใครคิดว่า เมื่อก่อนที่เรามีปัญหาภาวะเศรษฐกิจเรื่องหนี้ หรือแม้กระทั้งเรื่องของอุทกภัยต่างๆ วันนี้เศรษฐกิจของประเทศได้ฟื้นตัวกลับมาแล้ว และก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าเมื่อตอนที่เราเป็นหนี้เรามีการใช้หนี้ วันนี้เรามีการใช้หนี้ประเทศไทยมีการใช้หนี้เงินกู้ IMF ได้ก่อนกำหนด ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้วค่ะ
            สำหรับเรื่องความโปร่งใส ดิฉันก็ขอยืนยันว่าการดำเนินการทุกขั้นตอน จะต้องความโปร่งใสและเข้มงวด กว่าโครงการเงินกู้หรือโครงการตามงบประมาณรายได้ประจำปีค่ะ ทั้งนี้ ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างก็ได้มีการกำหนดให้มีการปฎิบัติตามระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ. 2535 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยวัสดุทางอิเล็กทรอนิค พ.ศ. 2549 อีก  อีออคชั่นหรือระเบียบของหน่วยงานเจ้าของโครงการ รวมทั้งมีมติคณะรัฐมนตรีให้ประกาศราคากลางไว้ใน TOR สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อความโปร่งใสมากขึ้นค่ะ ทั้งนี้ก็เป็นระเบียบเดียวกับการใช้จ่ายของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และนอกจากนั้นในส่วนนี้เอง เราก็ได้มีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติและบัญชีแนบท้ายและเอกสารประกอบที่ชัดเจน อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และได้มีการเผยแพร่เอกสารประกอบที่เป็นรายละเอียดของโครงการทุกโครงการให้ท่านสมาชิกทุกท่านได้ทราบแล้ว สำหรับการพิจารณาโครงการเราก็ได้มีการให้คณะกรรมการในการพิจารณาดูแลและตรวจสอบโครงการรวมถึงหน่วยงานสำคัญๆ หลักที่เกี่ยวข้องได้แก่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ 3 หน่วยงานหลักรวมกันพิจารณารายละเอียดในการทำหน้าที่ดูแลและตรวจสอบ ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรก็สามารถที่จะตรวจสอบได้เช่นเดียวกับงบประมาณปกติผ่านกรรมาธิการ ส่วนการรายงานก็จะมีการรายงานต่อรัฐสภาแห่งนี้ ถึงผลการดำเนินงานเมื่อมีการสิ้นปีงบประมาณตามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
        ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลก็ได้มีการจัดกระบวนการที่จะรับฟังความคิดเห็นของสาธารณะตั้งแต่แรกเริ่ม เรามีการจัดรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ในระดับชุมชน ร่วมกับภาครัฐและเอกชนและประชาชนอย่างกว้างขวางและรวมถึงล่าสุดก็มีการจัดนิทรรศการเพิ่มความรู้ความเข้าใจกับสาธารณะชน ที่เปิดโอกาสให้สาธารณะชนได้แสดงความคิดเห็นต่างๆ และรัฐบาลได้นำเอาความคิดเห็นต่างๆ เหล่านี้มาประกอบในการดำเนินงานต่อไปค่ะ
        เรียน ยืนยันว่าโครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านนั้น จะต้องมีการติดตามและตรวจสอบเพื่อให้โครงการนั้นสามารถบรรลุตามที่ตั้งเป้า หมายไว้ และที่สำคัญขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างต้องโปร่งใส ไม่เกิดทุจริตคอรัปชั่น และที่สำคัญขั้นตอนสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีความโปร่งใสไม่เกิด ทุจริตคอรัปชั่น ท่านประธานสภาที่เคารพดิฉันยืนยันอีกครั้งว่าการดำเนินการของรัฐบาลเกิดจาก เจตจำนงค์ที่จะทำให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและเพื่อให้ทุกท่านเกิด ความมั่นใจว่าการลงทุนนี้จะทำให้ประเทศของเรานั้นได้ยกระดับขีดความสามารถใน การแข่งขัน ลดต้นทุนการในขนส่งโดยรวมลง ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มรายได้ขึ้นมาในส่วนตั้งแต่ระดับชุมชน และกระจายรายได้อย่างทั่วถึง และคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นค่ะ
           และที่สำคัญที่สุดดิฉันไม่อยากเห็นการถกเถียงกันว่าโครงการเหล่านี้ใครจะ เป็นคนริเริ่มใครจะเป็นเจ้าของความคิด แต่ดิฉันอยากเห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้และประชาชนจะได้ร่วมกันสร้าง ประวัติศาสตร์และร่วมกันสร้างผลงานที่จะวางรากฐานอนาคตของประเทศไทยและร่วม กัน ในการที่จะวางรากฐานเพื่ออนาคตของลูกหลานคนไทยของเราต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น